กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ โดยสำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ยะลา จัดอบรมเชิงปฏิบัติการ “การจัดทำบัญชีรายบุคคล” ภายใต้โครงการนำร่องเพิ่มศักยภาพชุมชนแห่งการออม ประจำปีงบประมาณ 2568

วันที่ 26 มิ.ย.68 กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ โดยสำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ยะลา จัดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตร “การจัดทำบัญชีรายบุคคล” ภายใต้โครงการนำร่องเพิ่มศักยภาพชุมชนแห่งการออม ประจำปีงบประมาณ 2568 ณ ศูนย์การเรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรเครือข่ายตำบลบุดี อำเภอเมือง จังหวัดยะลา เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางการเงิน เพิ่มพลังแห่งการออมให้กับชุมชนอย่างเข้มแข็ง

นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ เปิดเผยว่า การจัดอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตร “การจัดทำบัญชีรายบุคคล” ภายใต้โครงการนำร่องเพิ่มศักยภาพชุมชนแห่งการออม ประจำปีงบประมาณ 2568 มีผู้เข้าร่วมอบรมประกอบด้วย เกษตรกร เยาวชน และประชาชนทั่วไปจากชุมชนเป้าหมาย มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจด้านการจัดทำบัญชีรับ–จ่ายในครัวเรือน และบัญชีต้นทุนประกอบอาชีพ เพื่อให้สามารถนำข้อมูลทางบัญชีไปวิเคราะห์วางแผนการใช้จ่าย ปรับปรุงวิถีชีวิต และพัฒนาอาชีพด้านการเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ อันเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันทางเศรษฐกิจ และส่งเสริมวินัยทางการเงินให้แก่ประชาชนในระดับฐานราก

โครงการดังกล่าวถือเป็นการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของรัฐบาล ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 โดยเฉพาะหมุดหมายที่ 9 ซึ่งมุ่งลดความยากจนข้ามรุ่น และเสริมสร้างความมั่นคงทางสังคมให้คนไทยทุกคนอย่างเท่าเทียม พร้อมทั้งสอดคล้องกับนโยบายเร่งด่วนของคณะรัฐมนตรีที่ให้ความสำคัญกับการเพิ่มความรู้
ทางการเงินและส่งเสริมการออมในรูปแบบใหม่ ๆ ที่เหมาะสมกับวิถีชีวิตของประชาชน

อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กล่าวอีกว่า การดำเนินโครงการยังสนับสนุนภารกิจของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ตามแผนปฏิบัติราชการระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566 – 2570) ด้านการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพด้านการจัดทำบัญชีรายบุคคล และส่งเสริมการพัฒนาเครือข่ายด้านบัญชี สร้างความเข้มแข็งแก่ชุมชนระดับฐานราก โดยเน้นส่งเสริมให้เกษตรกรสามารถลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ และดำรงชีวิตอย่างพอเพียงตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สร้างภูมิคุ้มกันความจนด้วยการทำบัญชีครัวเรือน ขยายผลสู่การสร้างชุมชนแห่งการออม สาระสำคัญในการอบรม ประกอบด้วยการเรียนรู้การจัดทำบัญชี 3 มิติ ได้แก่

1. มิติรู้ตนเอง คือ การเข้าใจสถานะรายรับ-รายจ่ายของตนเอง
2. มิติรู้สภาพแวดล้อม คือ การเข้าใจบริบทชุมชนและปัจจัยเศรษฐกิจรอบตัว
3. มิติรู้อนาคต คือ การวางแผนและคาดการณ์แนวโน้มทางการเงินในอนาคต

ซึ่งผู้เข้าร่วมสามารถนำแนวคิดดังกล่าวไปประยุกต์ใช้ในการดำรงชีพและพัฒนาอาชีพอย่างยั่งยืน นำไปสู่การสร้าง “ชุมชนแห่งการออม” ที่สามารถเป็นต้นแบบให้แก่ชุมชนอื่น ๆ ได้ทั้งในระดับจังหวัดและระดับประเทศ

นอกจากนี้ การอบรมยังช่วยเสริมสร้างแรงบันดาลใจและพลังขับเคลื่อนในการพัฒนาชุมชนท้องถิ่นให้ก้าวสู่ยุค Thailand 4.0 ได้อย่างมั่นคง ด้วยการใช้บัญชีเป็นเครื่องมือพื้นฐานในการพัฒนาชีวิตและสร้างเสถียรภาพทางการเงินในระยะยาว

สำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ยะลา ในฐานะหน่วยงานภายใต้กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยังคงมุ่งมั่นในการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกร เยาวชน และประชาชนทั่วไป ด้วยองค์ความรู้ทางบัญชี เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต และสร้างรากฐานทางเศรษฐกิจที่มั่นคงให้กับประเทศอย่างยั่งยืน