ปักหมุดแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ 256 แห่งทั่วประเทศ กรมการแพทย์แผนไทยฯ จับมือ การท่องเที่ยวฯ ชูจุดขายเที่ยวสุขภาพดีด้วยภูมิปัญญาไทยและสมุนไพรไทย กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ชูจุดขายแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพภูมิปัญญาไทยและสมุนไพร หวังเป็นจุดหมายพักผ่อนฟื้นฟูร่างกาย - ผ่อนคลายจิตใจ  ล่าสุด ผ่านการประเมินทั้งหมด 256 แห่งทั่วประเทศไทย สร้างรายได้ กว่า 256 ล้านบาท 

วันที่ 25 มิ.ย.2568 นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เปิดเผยว่า กรมการแพทย์แผนไทยฯ ร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และเครือข่าย พัฒนาเกณฑ์ประเมินแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพภูมิปัญญาไทยและสมุนไพร ปัจจุบันมีแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับมาตรฐานชุมชนโฮมสเตย์ ต่อยอดผ่านการประเมินทั้งสิ้น 256 แห่งทั่วประเทศ สร้างรายได้ให้ชุมชนกว่า 256 ล้านบาท  สืบเนื่องจากแผนปฏิบัติการด้านสมุนไพรแห่งชาติ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2566 – 2570 กำหนดให้มียุทธศาสตร์นำสมุนไพรสร้างอาชีพ สร้างรายได้ในระดับพื้นที่เป้าหมายเมืองสมุนไพร 16 จังหวัด เพิ่มมูลค่าแก่ชุมชน แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ต่อยอด GDP จังหวัด กลุ่มเกษตรวัตถุดิบ เน้นการปลูกและผลิตวัตถุดิบสมุนไพรให้ได้มาตรฐาน กลุ่มอุตสาหกรรม เน้นการยกระดับโรงงานให้มีมาตรฐาน และกลุ่มท่องเที่ยว เน้นการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เป็นความเชื่อมโยงของการพัฒนาสมุนไพร ตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่า ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก มุ่งพัฒนา และส่งเสริมให้ประชาชนทุกคนมีสุขภาพที่ดีจากองค์ความรู้และภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร

นพ.สมฤกษ์ กล่าวว่า สำหรับชุมชนที่มีแหล่งท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติชุมชนท่องเที่ยววิถีชุมชน เช่น วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแปรรูปสมุนไพรทับทิมสยาม05 จังหวัดสระแก้ว วิสาหกิจชุมชนสมุนไพรอินทรีย์อำเภอแก่งหางแมว จังหวัดจันทบุรี  มีจุดเด่น การปลูกสมุนไพรและการแปรรูปสมุนไพร รวมถึงเป็นแหล่งเรียนรู้การปลูกสมุนไพร แหล่งท่องเที่ยวที่มีอาหารถิ่นสุขภาพ เช่น เฮือนตูบโฮมสเตย์วิสาหกิจชุมชนการท่องเที่ยวนครชุม จังหวัดพิษณุโลก นำจุดเด่นของบ่อเกลือ 1,000 ปี มาใช้ในการส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวและการนำไปทำอาหาร สวนสมุนไพรชีววิถีท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี  มีการนำว่านหางจระเข้สายพันธุ์พิเศษจากอินโดนีเซีย ซึ่งมีสาร Avola ให้บริการอาหารและเครื่องดื่มจากสมุนไพรที่ปลูกเอง เช่น “ว่านหางจระเข้ลอยแก้ว” เสิร์ฟคู่กับน้ำดอกอัญชัน เป็นเมนูยอดนิยมที่ทั้งอร่อยและดีต่อสุขภาพ วิสาหกิจชุมชนไม้กฤษณา (มีสุขฟาร์ม) จังหวัดระยอง ใช้สารสกัดจากไม้กฤษณา ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยผ่อนคลายและบำรุงสุขภาพทำเป็นเครื่องดื่มสมุนไพร เช่น “กฤษณามรกต” (ชาเขียวผสมสารสกัดกฤษณา) เมนูที่เป็นเอกลักษณ์ คือ “กาแฟกฤษณา” และ “ชาเขียวกฤษณา” กระท่อมเห็ด ฟาร์ม แอนด์ คาเฟ่ จังหวัดนนทบุรี ฟาร์มมีการเพาะเห็ดหลากหลายสายพันธุ์ที่มีคุณสมบัติทางยาและไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เช่น การทำเซรั่มบำรุงผิวจากเห็ดนางนวลสีชมพู ซึ่งได้รับรางวัล ‘The Best Success Case’ จากกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม  ถือเป็นแหล่งเรียนรู้ที่เชื่อมโยงสมุนไพรไทยกับนวัตกรรมเห็ดเพื่อสุขภาพ ได้อย่างน่าสนใจ

“กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก มุ่งมั่นพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ สนับสนุนชุมชนดึงดูดนักท่องเที่ยว ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น สร้างรายได้ให้ชุมชน ส่งเสริมให้คนไทยหันมาใช้สมุนไพรไทยมากขึ้น อีกทั้ง ยังเป็นการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นอีกด้วย”นายแพทย์สมฤกษ์ กล่าว

ด้าน ดร.ภญ.มณฑกา ธีรชัยสกุล ผู้อำนวยการกองเศรษฐกิจสมุนไพร กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่ ส่งเสริมการทำกิจกรรมดูแลสุขภาพ เช่น บ้านสวนพอเพียงพอเพลินชีวาดีคลินิกการแพทย์แผนไทย มีการทำฟาร์มสเตย์เพื่อสุขภาพทำกิจกรรมเกษตรอินทรีย์ปลูกผักปลูกสมุนไพร เก็บไข่ไก่แล้วก็มีการนำศาสตร์การดูแลสุขภาพแบบองค์รวมมาใช้ในการฟื้นฟูสุขภาพกายและใจ ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้อง จังหวัดชลบุรี มีเวิร์กช็อปการทำผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร เช่น น้ำยาล้างจาน น้ำยาซักผ้า แชมพู ยาดม และน้ำสมุนไพร โดยใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติกิจกรรมนี้อยู่ในฐานเรียนรู้ “คนมีน้ำยา” ซึ่งเปิดให้ผู้เข้าอบรมได้ลงมือทำจริง การปลูกพืชสมุนไพรเพื่อใช้ในครัวเรือนส่งเสริมให้ปลูกพืชสมุนไพรพื้นบ้าน กลุ่มเกษตรอินทรีย์และผลิตภัณฑ์เพื่อการท่องเที่ยวบ้านหนองครก จังหวัดเชียงใหม่ เป็นชุมชนต้นแบบที่ผสมผสานการเกษตรอินทรีย์ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และภูมิปัญญาท้องถิ่นเข้าด้วยกันอย่างลงตัว จุดเด่นคือ ออนเซนธรรมชาติ เป็นน้ำพุร้อนธรรมชาติที่มีคุณสมบัติช่วยรักษาโรคผิวหนังเปิดให้บริการอาบน้ำแร่และแช่ออนเซนในโฮมสเตย์ของชุมชน บางบ้านมีการเติมสมุนไพรลงในอ่างอาบน้ำแร่เพื่อเพิ่มสรรพคุณในการบำบัด มีกิจกรรมนวดแผนไทยโดยคนในชุมชน มีการทำอาหารท้องถิ่น เช่น “หลามห้วย” (ทำอาหารในป่าโดยใช้กระบอกไม้ไผ่) นักท่องเที่ยวสามารถเรียนรู้และลงมือทำลูกประคบจากสมุนไพรพื้นบ้าน เช่น ไพล ขมิ้น ตะไคร้ และใบมะกรูด ลูกประคบที่ทำสามารถนำกลับบ้านได้