สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับศูนย์ความรู้นโยบายเด็กและครอบครัว (คิด for คิดส์) และศูนย์ความรู้นโยบายสาธารณะเพื่อการเปลี่ยนแปลง จัดงานเสวนาสาธารณะ“ถูกสาปให้พ่ายแพ้ในกระแสความเปลี่ยนแปลง: รายงานสถานการณ์เด็กและครอบครัว ปี 2568” พร้อมเปิดเวทีชวนหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม และนักวิชาการ ร่วมหารือแนวทางขับเคลื่อนนโยบายสร้างสุขภาวะดีให้เด็ก เยาวชน และครอบครัวไทย

นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ

 

นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ ประธานคณะกรรมการบริหารแผนคณะที่ 4 สสส. กล่าวว่า เด็ก เยาวชนและครอบครัวไทย กำลังเผชิญความท้าทายจากบริบทที่เปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงและรวดเร็ว โครงสร้างทางสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองไทย ยังคงมีความเหลื่อมล้ำสูง โดยเฉพาะเด็กและครอบครัวไม่สามารถเข้าถึงนโยบายสาธารณะได้อย่างเป็นธรรม เช่น การเข้าไม่ถึงระบบการศึกษาที่มีคุณภาพ ไม่ได้รับการสนับสนุนอุปกรณ์ดิจิทัล ส่งผลให้ขาดทักษะสมัยใหม่ แหล่งเรียนรู้นอกบ้านมีจำนวนน้อยและตั้งอยู่ไกลบ้าน เป็นอุปสรรคต่อการกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ จากสถานการณ์ดังกล่าว สสส. จึงร่วมกับศูนย์คิด for คิดส์ เปิดรายงานสถานการณ์เด็กและครอบครัว ปี 2568 เพื่อสะท้อนให้เห็นข้อจำกัด

 

ด้านการใช้ชีวิตของเด็กและครอบครัว ที่ถูกสาปให้ไม่สามารถพัฒนา ปรับตัวรับมือ และเติมเต็มความฝันได้ โดยอยากให้รัฐบาล หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสนใจและนำรายงานฉบับนี้ไปกำหนดเป็นนโยบายสาธารณะด้านสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว เพื่อเพิ่มโอกาสการมีคุณภาพชีวิตที่ดี

  น.ส.ณัฐยา บุญภักดี              

ด้าน น.ส.ณัฐยา บุญภักดี ผู้อำนวยการสำนักอาวุโส สำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว สสส. กล่าวว่า รายงานสถานการณ์เด็กฯ ในปีนี้ พบชัดเจนว่าปัญหาความเหลื่อมล้ำในกลุ่มเด็กและครอบครัวขยายวงกว้างกลายเป็น

ปัญหาขนาดใหญ่ มีความซับซ้อนสูง ยากที่บุคคลหรือหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งจะแก้ไขได้โดยลำพัง โดยรายงานมีการเก็บข้อมูลจากกลุ่มเด็กและเยาวชนอายุ 15-25 ปีทั่วประเทศ จำนวน 10,000 คน ผ่านการจัดทำแบบสอบถามและการเก็บข้อมูลภาคสนามเพื่อศึกษาเชิงลึก สำรวจข้อมูลตั้งแต่ความเป็นอยู่ขั้นพื้นฐาน ไปจนถึงความเชื่อ การรับรู้ คุณค่าและทัศนคติ นำมาวิเคราะห์ประกอบกับประเด็นสำคัญทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ถือเป็น ‘ขุมทรัพย์ข้อมูล’ สำคัญในการทำความเข้าใจกลุ่มเด็กและเยาวชน เพื่อการออกแบบนโยบายและโครงการให้เหมาะสม

 นายวรดร เลิศรัตน์ นักวิจัยและบริหารการวิจัย ศูนย์คิด for คิดส์ เผยถึงผลสำรวจสถานการณ์ฯ ว่าเด็ก เยาวชน และครอบครัวไทยต้องเผชิญกับคำสาป 8 เรื่อง ที่สำคัญ 1.ภาวะครัวเรือนมีหนี้สินสูง ทำให้การสนับสนุนเด็กและเยาวชน

เข้าถึงระบบการศึกษาที่มีคุณภาพเป็นไปได้จำกัด ถ่วงรั้งการเติมเต็มความฝันและการเติบโต โดยผลสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือน ปี 2566 โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบเด็กและเยาวชน 6.2 ล้านคน อยู่ในครอบครัวที่มีหนี้ ในจำนวนนี้ 3.6 แสน อยู่ในครอบครัวที่มีฐานะเสมือนล้มละลาย 2.เด็กและเยาวชนได้รับผลกระทบ

จากมลพิษทางอากาศรุนแรงและภัยพิบัติภาวะโลกรวน เสี่ยงที่ความเป็นอยู่จะไม่มั่นคงและสูญเสียศักยภาพการใช้ชีวิต รายงาน Over the Tipping Point report  ปี 2566 โดยองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย ระบุฝุ่น PM2.5 คือภัยสิ่งแวดล้อมที่เด็กเผชิญสูงสุด 13.6 ล้านคน 3.การเข้าถึงเทคโนโลยีมีความเหลื่อมล้ำ พบเด็กและเยาวชนในครอบครัวรายได้น้อย 62.1% ไม่มีคอมพิวเตอร์ใช้ในการเรียนรู้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์

4.เยาวชนและครอบครัวถูกจ้างงานในรูปแบบที่ไม่เป็นมาตรฐานเพิ่มขึ้น ไม่ได้รับสวัสดิการและความคุ้มครอง

อย่างเหมาะสมส่งผลต่อคุณภาพชีวิต 5.เด็กและเยาวชนถูกฉุดรั้งความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นทักษะแห่งอนาคต รวมถึงระบบนิเวศการเรียนรู้เข้าถึงยากและไม่ตอบโจทย์ ผลสำรวจพบเยาวชน 74.6% ไม่เคยไปพิพิธภัณฑ์ สาเหตุจากตั้งอยู่ไกลและเดินทางยาก 6.เยาวชนจำนวนมากพัวพันกับอบายมุขประเภทใหม่ โดยพบเด็กและเยาวชนเล่นการพนันออนไลน์ 32.3% สูบบุหรี่ไฟฟ้า 18.6% เคยทดลองสูบกัญชา 6.45% 7.เยาวชนกับครอบครัวขัดแย้งกันในชีวิตประจำวันและห่างเหินกันมากขึ้น 8.เยาวชนสูญเสียผู้แทนทางการเมือง และเชื่อมั่นในคุณค่าและสถาบันประชาธิปไตยเสรีลดลง