วันที่ 21 มิ.ย.2568 นายสานิต ศิริวิศิษฐ์กุล หัวหน้าแผนกวิจัย สำนักวิจัย มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ เปิดเผยว่า จากการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในประเด็นความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลัง (ก.ค.-ธ.ค.2568 ระหว่างวันที่ 10–17 มิ.ย.68 จากจำนวน 1,020 ตัวอย่าง โดยเป็นประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไปจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจไทยในปัจจุบันเป็นอย่างไร เมื่อเทียบกับ 6 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค. - มิ.ย. 2568) มีความเชื่อมั่นร้อยละ 95 แต่ครั้งนี้ประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่า สถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันอยู่ในภาวะแย่ลงมาก ร้อยละ 53.8 แย่ลงเล็กน้อยร้อยละ 30.8 ไม่เปลี่ยนแปลง ร้อยละ 11.5 ดีขึ้นเล็กน้อย ร้อยละ 3.8 และดีขึ้นมาก ร้อยละ 0.1

สำหรับปัจจัยใดที่ส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจไทยมากที่สุดในปัจจุบัน เห็นว่ามี 5 ปัจจัยคือ ค่าครองชีพสูง (อาหาร, พลังงาน) ร้อยละ 61.5 ปัญหาหนี้ครัวเรือนสูง ร้อยละ 53.8 การบริโภคภายในประเทศที่ซบเซา ร้อยละ 50.0 สภาพเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ร้อยละ 50.0 และ ความไม่แน่นอนทางการเมือง/นโยบายรัฐบาล ร้อย 34.6

ส่วนการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลัง (ก.ค. - ธ.ค. 2568) จะมีทิศทางอย่างไร เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก? พบว่า ทิศทางเศรษฐกิจเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังอยู่ในภาวะชะลอตัวลงอย่างมาก ร้อยละ 32.0 คงที่/ไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก ร้อยละ 28.0 ชะลอตัวลงเล็กน้อย ร้อยละ 24.0 ขยายตัวดีขึ้นเล็กน้อย ร้อยละ 8.0 ขยายตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน และไม่มีความเห็น ร้อยละ 4.0

สำหรับความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังมากน้อยเพียงใด พบว่าประชาชนไม่ค่อยมั่นใจ ร้อยละ 65.4 ไม่มีความมั่นใจเลยร้อยละ 30.8 และค่อนข้างมั่นใจ ร้อยละ 3.8

สำหรับปัจจัยใดที่จะเป็นโอกาสสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลัง พบว่าปัจจัยที่จะช่วยขับเคลือนเศรษฐกิจไทย 5 อันดับแรกได้แก่ นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลร้อยละ 65.4 การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวร้อยละ 50.0 ราคาสินค้าเกษตรปรับตัวดีขึ้น ร้อยละ 34.6  การฟื้นตัวของเศรษฐกิจคู่ค้าสำคัญ (เช่น จีน, สหรัฐฯ, ยุโรป) ร้อยละ 30.8 และ การลงทุนภาครัฐ (โครงสร้างพื้นฐาน) การขยายตัวของดิจิทัล อีคอมเมิร์ซ ร้อยละ 26.9

ส่วนปัจจัยเสี่ยงหลักที่อาจฉุดรั้งเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลัง พบว่าปัจจัยที่อาจฉุดรั้งเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังได้แก่ ปัญหาหนี้ครัวเรือน/หนี้เสียภาคธุรกิจ ร้อยละ 65.4 ความไม่แน่นอนทางการเมืองภายในประเทศ ร้อยละ 50.0 การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ค่าเงินบาทผันผวนรุนแรง ร้อยละ 38.5 และ อัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับสูง ร้อยละ 34.6

ส่วนแนวโน้มที่จะปรับพฤติกรรมการใช้จ่ายในครึ่งปีหลังอย่างไร พบว่า ประชาชนตั้งใจจะใช้จ่ายน้อยลง (ประหยัดมากขึ้น) ร้อยละ 50.0 ใช้จ่ายน้อยลงอย่างมาก (รัดเข็มขัด) ร้อยละ 38.5 และ ใช้จ่ายมากขึ้นเฉพาะสินค้าจำเป็นเท่านั้นร้อยละ 11.5