จากพันธมิตรแนบแน่น สู่ความแตกร้าวกลางคลื่นการเมือง

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูล “ชินวัตร” กับผู้นำกัมพูชาผู้ทรงอิทธิพลอย่าง “สมเด็จฮุน เซน” ถือว่าแนบแน่นถึงขั้นถูกมองว่าเป็น “พันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์” ที่วางรากฐานมาตั้งแต่ยุคนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีถูกโค่นอำนาจในปี 2549 และได้รับที่พักพิงทางการเมืองจากกัมพูชาในเวลาต่อมา ทว่าในปี 2568 ความสัมพันธ์ดังกล่าวกลับสะดุดอย่างรุนแรง เมื่อสมเด็จฮุน เซนปล่อย “คลิปเจรจาลับ” ระหว่างตัวเขาเองกับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย สร้างแรงสั่นสะเทือนทางการเมืองครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองไทยยุคปัจจุบัน

อะไรคือแรงจูงใจเบื้องหลังการ “หักหลัง” ของสมเด็จฮุน เซน ทำไมผู้นำกัมพูชาผู้เคยยืนเคียงข้างตระกูลชินวัตร กลับเลือกจะปล่อยระเบิดการเมืองลูกใหญ่ถล่มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของพันธมิตรเก่า?

เบื้องหลังความสัมพันธ์: “ชินวัตร–ฮุน เซน” ไม่ใช่แค่เพื่อนบ้านธรรมดา

ทำไมจึงเรียกว่า “หักหลัง” ต้องเริ่มจากการเข้าใจความสัมพันธ์ของสองตระกูลนี้อย่างลึกซึ้ง ตลอดช่วงเวลาหลังรัฐประหาร 2549 สมเด็จฮุน เซน ได้แสดงออกอย่างชัดเจนว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกับฝ่ายที่โค่นล้มนายทักษิณ โดยการให้ที่พักพิงทางการเมือง เปิดพื้นที่การเคลื่อนไหวระดับภูมิภาค และส่งสัญญาณถึงความร่วมมือทางเศรษฐกิจข้ามพรมแดนที่เอื้อประโยชน์ต่อกัน

การแต่งตั้งน.ส.แพทองธาร ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงของไทยในปี 2567 ถือเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านที่สำคัญ ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าเธอคือ “ตัวแทนสายตรง” จากตระกูลชินวัตร และย่อมมีความสัมพันธ์เชิงบวกกับกัมพูชาโดยอัตโนมัติ

ดังนั้น คลิปหลุดเจรจาลับที่ถูกเผยแพร่โดยสื่อใกล้ชิดสมเด็จฮุน เซน จึงกลายเป็น “มีดแทงกลางหลัง” ที่ไม่มีใครคาดคิด โดยเฉพาะจากพันธมิตรที่ถูกมองว่าไว้ใจกันมาอย่างยาวนาน

ฮุน เซน เปลี่ยนบทบาท: จาก “พันธมิตร” เป็น “ผู้คุมเกมภูมิภาค”

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้สมเด็จฮุน เซนเปลี่ยนท่าที อาจมาจากบริบทการเมืองระหว่างประเทศที่เปลี่ยนไป

หลังการลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและขึ้นดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภาในกัมพูชา สมเด็จฮุน เซน ยังคงมีอิทธิพลเบ็ดเสร็จ และกำลังพยายามสถาปนาบทบาทของตนในเวทีภูมิภาค ทั้งด้านเศรษฐกิจและการทูต ความมั่นคงและพลังงาน โดยเฉพาะโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เช่น ที่บริเวณสามเหลี่ยมมรกต หรือพื้นที่พลังงานทางทะเล

สมเด็จฮุน เซน อาจมองว่า รัฐบาลแพทองธาร ไม่สามารถตอบสนองผลประโยชน์กัมพูชาได้อย่างที่เขาคาดหวัง หรือมีความล่าช้าในการดำเนินโครงการร่วมที่อาจเคยมีการเจรจากันไว้ในยุค “ทักษิณ-ฮุนเซน” มาก่อนหน้า

เมื่อแรงกดดันภายในและระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการถ่วงดุลอำนาจจากจีนและเวียดนาม สมเด็จฮุน เซนอาจเลือก “โยนไพ่” ใบสำคัญออกมาเพื่อกดดันให้รัฐบาลไทยเคลื่อนไหวหรือเปลี่ยนท่าที

เกมต่อรองพลังงานและชายแดน: ประโยชน์มหาศาลที่อยู่เบื้องหลัง

แหล่งข่าวทางการทูตเปิดเผยว่า คลิปเสียงที่ถูกปล่อยออกมาอาจเกี่ยวข้องกับการเจรจาโครงการขุดเจาะพลังงานบริเวณทะเลไทย-กัมพูชา และแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานข้ามแดน ซึ่งหากดำเนินการได้จะมีมูลค่ามากกว่าแสนล้านบาท

สมเด็จฮุน เซน น่าไม่พอใจที่การเจรจาเหล่านี้ถูกชะลอ หรือมีความพยายามภายในรัฐบาลไทยที่จะปรับเปลี่ยนข้อตกลงเพื่อรักษาผลประโยชน์ให้กับไทยมากขึ้น โดยเฉพาะหลังเสียงวิจารณ์จากฝ่ายค้านและภาคประชาสังคมว่ารัฐบาลแพทองธารกำลังเดินตามข้อตกลงเก่าแบบไม่โปร่งใส

การปล่อยคลิปจึงอาจเป็น “การวางยา” เพื่อสั่นคลอนเสถียรภาพของรัฐบาล และเปิดช่องทางให้กัมพูชากลับมาต่อรองใหม่ในสถานการณ์ที่ฝ่ายไทยอยู่ในภาวะเสียเปรียบทางการเมือง

ฮุน เซน หวังส่งสัญญาถึงพรรคเพื่อไทย 

มีความเป็นไปได้ว่า ฮุน เซน ไม่ได้ต้องการให้น.ส.แพทองธารพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจริง ๆ แต่เพียงต้องการ “ส่งสัญญาณ” ไปยังกลุ่มอำนาจภายในพรรคเพื่อไทยว่า หากไม่ดำเนินการตามข้อตกลงเดิม หรือหากมีความพยายามเปลี่ยนแปลงพันธมิตรระหว่างประเทศในแนวทางใหม่ (เช่น ลดบทบาทของกัมพูชา หันไปอยู่ข้างเวียดนามหรือสหรัฐฯ มากขึ้น) กัมพูชาพร้อมจะเปิดโปงข้อมูลที่ไม่ต้องการให้ประชาชนรับรู้

นี่คือเกมการเมืองเชิงอำนาจระหว่างประเทศ ที่ไม่ได้วัดกันแค่ตัวบุคคล แต่คือการเล่น “หมากลึก” เพื่อวางอำนาจในระดับภูมิรัฐศาสตร์

ผลกระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาลแพทองธาร

นับตั้งแต่คลิปถูกปล่อย รัฐบาลไทยต้องเผชิญแรงกดดันหลายด้าน ได้แก่

จากภายในพรรคร่วมรัฐบาล: ที่หลายพรรคแสดงความกังวลอย่างชัดเจน มีการเรียกร้องให้ตั้งคณะกรรมการอิสระสอบสวน และมีเสียงสะท้อนว่าหากน.ส.แพทองธารไม่ลาออก พรรคเหล่านี้อาจถอนตัว

จากฝ่ายค้านและประชาชน: พรรคประชาชนเตรียมยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ขณะที่มีโอกาสที่ประชาชนจำนวนมากจะออกมาชุมนุมอย่างต่อเนื่องทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ภายใต้แฮชแท็ก #คลิปลับฮุนเซน #แพทองธารต้องไป

จากองค์กรระหว่างประเทศ: ผู้แทนของสหภาพยุโรปและกลุ่มสิทธิมนุษยชนในภูมิภาคแสดงความกังวลเกี่ยวกับความโปร่งใสในการกำหนดนโยบายด้านความมั่นคงระหว่างประเทศ

ทางเลือกและทางรอดของแพทองธาร

ภายใต้สถานการณ์ที่เปราะบางนี้ น.ส.แพทองธารมีทางเลือกหลัก 3 ทาง:

1. ลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบ และเปิดทางให้พรรคเพื่อไทยตั้งนายกรัฐมนตรีใหม่

2. อยู่ต่อพร้อมแถลงชี้แจงเต็มรูปแบบ เปิดเผยเนื้อหาทั้งหมดของคลิป และแต่งตั้งคณะกรรมการอิสระตรวจสอบข้อตกลง

3. ยุบสภา เพื่อคืนอำนาจให้ประชาชนตัดสินใจใหม่ ซึ่งเป็นการเดิมพันสูงสุดในสถานการณ์ที่ประชาชนกำลังตั้งคำถามกับเธอ

 จากพันธมิตรกลายเป็นศัตรู

การที่สมเด็จฮุน เซน ปล่อยคลิปเจรจาลับ ไม่ใช่แค่การเปิดโปง แต่คือการวางหมากในเกมภูมิรัฐศาสตร์ที่มีเดิมพันมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นพลังงาน ชายแดน หรือบทบาทในอาเซียน

น.ส.แพทองธารกำลังเผชิญบททดสอบใหญ่ที่สุดของชีวิตทางการเมือง และหากสามารถพลิกเกมนี้ให้กลับมาสร้างความโปร่งใส สื่อสารตรงไปตรงมากับประชาชน และรักษาอำนาจการต่อรองในเวทีระหว่างประเทศไว้ได้ เธอจะไม่ใช่แค่นายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 2 ของไทย แต่จะกลายเป็นผู้นำที่ผ่านบททดสอบแห่งยุคสมัย

 

#แพทองธารชินวัตร #siamrath #สยามรัฐ #siamrathonline #สยามรัฐออนไลน์ #ข่าววันนี้ #นายกรัฐมนตรี #ไทยกัมพูชา #เพื่อไทย #แพทองธาร#ยุบสภา