“ศบ.ทก.”แถลงผลการประชุมทีมไทยแลนด์วันแรก เมิน”กัมพูชา” ปลุก “ม็อบรักชาติ” ไม่กระทบไทย ลั่นละเมิดเอ็มโอยู 43 ขุด “คูเลต” พื้นที่อธิปไตยไทยทำไม่ได้ เผยประชุม “เจบีซี” นัดพิเศษ ก.ย.นี้ รอกัมพูชาเคาะวันถก “อาร์บีซี”ด้าน “ภูมิธรรม” เมิน “ฮุนเซน” โพสต์โซเชียลรายวัน “นายกฯอิ๊งค์” ยอมรับคลิปหลุด คุย “ฮุนเซน” ของจริง พาดพิงแม่ทัพภาค 2 เป็นเทคนิคเจรจา
เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 18 มิ.ย.68 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ ในฐานะโฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แถลงภายหลังการประชุม ศบ.ทก. ที่มี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ในฐานะผอ.ศบ.ทก. เป็นประธาน ครั้งแรก ว่า สำหรับสถานการณ์ในพื้นที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ขอย้ำอีกครั้งว่าไทยไม่เคยใช้มาตรการปิดด่านใดๆ ไม่มีมาตรการปิดด่านใดๆ ส่วนมาตรการที่ทำอยู่ เป็นมาตรกาควบคุมการเข้า-ออก และเป็นการปรับเวลาเปิด-ปิดด่านเท่านั้น ทั้งนี้ เพื่อเป็นการรักษาความมั่นคงและความปลอดภัยของประชาชนตามแนวชายแดน สืบเนื่องจากสถานการณ์ในพื้นที่และเราจะพิจารณาปรับเปลี่ยนมาตรการตามสถานการณ์และตามความจำเป็น
ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.68 ฝ่ายกัมพูชาประกาศด่านกัมพูชาทุกแห่งห้ามนำเข้าผักและผลไม้จากไทย โดยหน่วยงานของไทยที่เกี่ยวข้องได้หารือกันอย่างใกล้ชิด กระทรวงพาณิชย์ได้เข้าไปประสานงานในพื้นที่ นำผลผลิตกระจายไปยังผู้รับซื้อภายในประเทศแล้ว ขอยืนยันว่า รัฐบาลให้ความสำคัญความเดือดร้อนและผลกระทบของประชาชนในพื้นที่
นายนิกรเดช กล่าวว่า เพื่อความชัดเจนเกี่ยวกับข้อสงสัยที่ปรากฏในสื่อและในโซเชียลมีเดียของไทยในขณะนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการขุดคูเลตของฝั่งไทยนั้น เป็นการขุดคูเลตในพื้นที่ที่เป็นพื้นที่อธิปไตยของไทย ดังนั้นไทยจึงขอปฏิเสธคำกล่าวหาที่ว่าไทยละเมิดเอ็มโอยู 2543 ไทยยังคงยึดมั่นและปฏิบัติตามเอ็มโอยู 2543 ที่เป็นสนธิสัญญาและกติกาที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงร่วมกัน และมีพันธะกรณีที่ต้องยึดถือและปฏิบัติร่วมกัน
นายนิกรเดช กล่าวว่า สำหรับเรื่องกลไกทวิภาคีขอย้ำอีกครั้งว่า ไทยยึดมั่นกลไกทวิภาคีในการแก้ไขปัญหาเขตแดนไทยกับกัมพูชาด้วยความจริงใจและสุจริตใจ เพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดร่วมกัน ซึ่งเป็นไปตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศและธรรมเนียมปฏิบัติของกติกาสากล ซึ่งการประชุมเจบีซีล่าสุดมีผลออกมาเป็นที่น่าพอใจทั้ง 2 ฝ่าย สามารถตกลงกันได้ในรายละเอียดต่างๆ เพื่อร่วมกันสำรวจพื้นที่และจัดทำหลักเขตแดน ซึ่งเป็นพื้นฐานสำหรับการดำเนินการต่อร่วมกัน ทั้งหมดสะท้อนให้เห็นว่ากลไกทวิภาคียังคงปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลและอย่างต่อเนื่อง และฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพการจัดประชุมเจบีซีนัดพิเศษในเดือน ก.ย. ซึ่งฝ่ายกัมพูชาได้ตอบกลับแล้ว สำหรับการประชุมอาร์บีซี ที่นายกฯได้ประสานฝ่ายกัมพูชาไปให้จัดประชุมโดยเร็ว เราได้ยื่นข้อเสนอวันที่เราไปแล้ว ซึ่งฝ่ายไทยและกัมพูชากำลังพิจารณาหาวันที่ที่เหมาะสมทั้งสองฝ่าย โดยจะมีการแจ้งให้ทราบต่อไป
นายนิกรเดช กล่าวว่า ขอความร่วมมือสื่อมวลชน ประชาชน และความกรุณาในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ไม่ได้รับการตรวจสอบหรือยืนยัน หลีกเลี่ยงการขยายข่าวที่อาจจะเป็นการปลุกระดมหรือกล่าวหาอีกฝ่ายโดยยังไม่มีข้อเท็จจริงที่ชัดเจนเพื่อป้องกันการเข้าใจผิดและเสี่ยงที่จะเป็นประเด็นทำให้เกิดความขัดแย้งเพิ่มเติม ผอ.ศบ.ทก.ระบุว่า เราต้องเสพข้อมูลอย่างรอบคอบ รอบด้าน มีสติ และยึดสันติ
ด้าน พล.ร.ต.สุรสันต์ คงศรี รองโฆษกกองทัพไทย ในฐานะโฆษก ศบ.ทก. กล่าวว่า ฝ่ายทหาร กองทัพไทย ขอยืนยันและยึดมั่นการปฏิบัติการทหารตามหลักสากล และยืนยันว่า เป็นการปฏิบัติตามเอ็มโอยู 2543 ที่เป็นข้อสัญญาและข้อตกลงทวิภาคีที่ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามด้วยกัน ในประเด็นการปรับปรุงพื้นที่ ที่มั่นต่างๆ และการปฏิบัติการของกองกำลังในพื้นที่ เป็นการปฏิบัติตามหลักของทหารที่ต้องมีการดำเนินการปรับปรุงพัฒนาพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็ง ความมั่นคงในพื้นที่ ยืนยันว่า เป็นการดำเนินการในพื้นที่อธิปไตยของไทยทั้งสิ้น ส่วนเรื่องการดำเนินการตามจุดผ่านแดนต่างๆ ก็เป็นการดำเนินการตามมาตรการของไทยอย่างต่อเนื่อง เป็นการจำกัดคนและประเภทของคนในการผ่านแดน การจำกัดเวลาในการเปิด-ปิดด่าน โดยคำนึงถึงหลักมนุษยธรรม คำนึงถึงบุคคลที่มีความจำเป็น เช่น นักศึกษา ผู้ป่วย และผู้ที่มีความจำเป็นด้านมนุษย์
พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า เรื่องการไม่อนุญาตนำเข้าสินค้า พืช ผักผลไม้ เป็นการดำเนินการฝ่ายเดียวของกัมพูชาโดยเฉพาะพืชผักผลไม้ทางเกษตร ทั้งนี้ รัฐบาลไทยนำโดย ศบ.ทก. ได้ประสานผ่านกระทรวงพาณิชย์ในการหามาตรการเยียวยาและช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ โดยกระทรวงพาณิชย์ได้ประสานกับภาคเอกชน เช่น กลุ่มบริษัท ซีพี เซ็นทรัลกรุ๊ป ห้างสรรพสินค้าท้องถิ่นในการรับผลิตผลของไทย จำนวน 2,500 ตัน ไปจำหน่ายให้ผู้บริโภคตามพื้นที่ต่างๆ โดยที่ผ่านมากรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ได้มีการจัดการแสดงสินค้า Food Festival ที่ จ.ภูเก็ต และแนวโน้มคือ จะจัดงานต่างๆ เพื่อกระจายสินค้าไปตามช่องทางต่างๆ ในอนาคต ทั้งนี้ ขอขอบคุณหน่วยงานห้างร้านต่างๆ ที่ช่วยสนับสนุนการรับสินค้าเพื่อแจกจ่าย รวมทั้งขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนช่วยสนับสนุนการจับจ่ายใช้สอยสินค้าของไทยด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางกรุงพนมเปญมีการปลุกระดมกลุ่มผู้ชุมนุมรักชาติ ทางรัฐบาลมีความห่วงใยคนไทยในพื้นที่หรือไม่ นายนิกรเดช กล่าวว่า รัฐบาลกัมพูชามีการจัดกิจกรรมโดยสหพันธ์เยาวชนกัมพูชา ชื่อจัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ในโอกาสต่างๆ เป็นประจำ ในแต่ละครั้งก็จะมีธีมที่แตกต่างกันออกไป ในครั้งนี้ตนคิดว่า เป็นเรื่องบังเอิญที่ตรงกับช่วงที่เรามีประเด็นระหว่างไทยและกัมพูชาอยู่ อย่างที่ตนได้บอกว่า นโยบายของไทยเรียกร้องให้เรื่องนี้เป็นเรื่องระดับรัฐบาลกับรัฐบาล อย่าได้ดึงออกมาเป็นระดับประชาชน ส่วนประชาชนคนไทยในกัมพูชานั้น เอกอัครราชทูตไทยในกรุงพนมเปญ ได้ติดต่อประสานงานกับคนไทยที่อยู่ในพื้นที่อย่างใกล้ชิด ในขณะนี้ไม่มีความน่ากังวลใดๆ
พล.อ.ณัฐพล กล่าวเสริมว่า ตามคติพจน์ของศูนย์ ศก.ทบ. รอบคอบ รอบด้าน ใช้สติสร้างสันติ แต่หากทางฝ่ายกัมพูชาทำอะไรเราตอบโต้ทุกเรื่อง เราก็ได้ใช้สติในการพิจารณา และกระทรวงการต่างประเทศได้ชี้แจงที่ในประชุม ซึ่งไม่มีผลกระทบอะไรกับประเทศไทย ได้แต่เพียงรับทราบ
ด้าน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีทางกัมพูชาปลุกกลุ่มผู้ชุมนุมแสดงความรักชาติ ว่า รักชาติกันทุกคนอยู่แล้ว ของเราก็รักชาติ
เมื่อถามว่า ไทยต้องย้ำจุดยืน 4 พื้นที่พิพาทว่าเป็นของไทยหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการร่วมเขตแดนไทย -กัมพูชา (JBC) เราพูดคุยเรื่องเขตแดน หลังจากนี้จะเป็นการประชุมการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ไทย-กัมพูชา ซึ่งที่มีข่าวออกมาว่าทางกัมพูชาจะไม่เข้าร่วมเป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อน เรื่อง RBC ขณะนี้ผู้ที่อยู่ชายแดนกำลังคุยกัน และสรุปว่าจะเดินตามนี้ ซึ่งทางกัมพูชาขออนุญาตไปถามผู้บังคับบัญชาทางเขาว่าจะนัดเป็นวันใด ไม่ได้มีปฏิเสธอะไรตามที่เป็นข่าว
เมื่อถามย้ำว่า การประชุม RBC จะไม่มีการเลื่อนออกไป ยังคงจัดประชุมภายในเดือนนี้ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่ใช่ เขาต้องไปตกลงกันก่อนว่าจะคุยวันใด แต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธ เพียงแต่เขาจะต้องไปหารือกับผู้บังคับบัญชาของเขา
เมื่อถามว่า ทั้งสมเด็จฮุนเซน ประธานองคมนตรีและวุฒิสภากัมพูชาและพล.อ.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โพสต์โซเชียลทุกวันเช่นนี้ยังคุยกันได้อยู่ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า โซเชียลก็ว่ากันไป แต่ทางเรายึดหลักกฎหมาย และการปฏิบัติที่เป็นสากล เราแสดงท่าที และพูดชัดเจนทุกเรื่อง มีการออกเป็นหนังสือตลอด เพราะฉะนั้นสิ่งที่ทางเราพูดเป็นมาตรฐานระดับสากล โซเชียลไม่ได้มีผลตามกฎหมาย จะว่าอะไรก็ว่าไป
เมื่อถามว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวพูดคุยกับผู้นำกัมพูชาได้หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ต้องไปถามนายทักษิณ จะมาถามตนได้อย่างไร ตนคงไม่อาจไปรู้ได้
ต่อมาเมื่อเวลา 14.00 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม แถลงด่วน กรณีมีการเผยแพร่คลิปเสียงโทรศัพท์ในโลกโซเชียล ระบุว่าเป็นคลิปเสียงของ น.ส.แพทองธาร กับสมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภา กัมพูชา โดยมีเนื้อหาโจมตี แม่ทัพภาค 2 โดยยอมรับว่า เป็นคลิปเสียงจริง แต่เป็นการคุยกันส่วนตัว ที่พาดพิงถึงแม่ทัพภาคที่ 2 ซึ่งเป็นวิธีการเจรจา เพราะรู้ว่าสมเด็จฮุนเซน ไม่พอใจแม่ทัพภาคที่ 2 ก็โอนอ่อนผ่อนตาม เพื่อจะให้สถานการณ์คลี่คลายและต้องการสันติภาพ และเป็นการคุยส่วนตัว แต่สุดท้ายกลับถูกอัดคลิป และปล่อยออกมา ยืนยันมีเจตนาให้เกิดสันติภาพ แต่เข้าใจแล้วว่าสมเด็จฮุนเซน ทำเพื่อคะแนนนิยมภายในประเทศเท่านั้น