“อนุกมธ.กีฬา” วุฒิฯ ฝันปั้น “มวยไทย” เป็นซอฟต์พาวเวอร์เทียบชั้น “ฟุตบอลโลก”

วันที่ 18 มิ.ย.68 นายวิเชียร ชัยสถาพร สว.ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการด้านการกีฬา วุฒิสภา เป็นประธานการประชุมเพื่อพิจารณาเกี่ยวกับมาตรฐานค่ายมวยไทยในต่างประเทศ และลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 33 โดยเชิญผู้แทนจากสถาบันมวยไทยแห่งชาติ,กองส่งเสริมพัฒนากีฬามวย การกีฬาแห่งประเทศไทย เข้าให้ข้อมูล

โดยนายอภิชัย นราวงษ์ รักษาการผู้อำนวยการสถาบันมวยไทยแห่งชาติ เปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจว่า ปัจจุบันมีค่ายมวยไทยประมาณ 7,000 แห่งทั่วโลก และทางสถาบันมวยฯ ได้ประกาศรับรองมาตรฐาน (SMG) ไปแล้ว 133 ค่าย โดยในปี 2568 นี้ มีการรับรองมาตรฐานเพิ่มอีก 61 ค่ายใน 6 ประเทศ อาทิ ฝรั่งเศส, บราซิล, สกอตแลนด์ และอังกฤษ การรับรองมาตรฐานค่ายมวยไทย เปรียบเสมือนการปักหมุดมวยไทยไปทั่วโลก เพราะโครงการนี้ เพื่อให้นักมวย ครูมวย และค่ายมวยที่มีมาตรฐานเป็นที่รู้จัก ทำให้ชาวต่างชาติสามารถเรียนรู้มวยไทยได้อย่างถูกต้องและได้มาตรฐาน ข้อมูลทั้งหมดจะถูกรวบรวมไว้ในระบบออนไลน์ที่สามารถสืบค้นและเชื่อมโยงไปยังค่ายมวยในประเทศไทยได้ ซึ่งจะอำนวยความสะดวกให้ผู้สนใจเดินทางมาเรียนรู้เพิ่มเติมในไทยได้ง่ายขึ้น

“เป้าหมายสูงสุดคือการยกระดับมวยไทยให้เทียบชั้นฟุตบอลโลก ที่ต้องการให้การแข่งขันมวยไทยชิงแชมป์โลกเป็นการแข่งขันระดับโลกที่คนต่างประเทศต้องมาซื้อลิขสิทธิ์ไปจัดการแข่งขัน โดยค่ายมวยที่ได้รับการรับรองมาตรฐานเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์ส่งนักมวยและผู้ฝึกสอนเข้าร่วมการแข่งขัน ต้นปีงบประมาณนี้ จะมีการจัดการแข่งขันมวยไทยภายใต้ชื่อ “มวยไทย Soft Power Championship” หรือ MSC ซึ่งจะไปสิ้นสุดในช่วงปลายปี และในวันที่ 6 ก.พ. 2569 ซึ่งเป็นวันมวยไทย จะมีการจัดงานใหญ่ที่นำเสนอแนวคิดการแข่งขันมวยชิงแชมป์โลกในรูปแบบนัดกระชับมิตร โดยรวมดารานักมวยยุโรปมาพบกับนักมวยไทยที่ได้แชมป์ MSC สร้างภาพลักษณ์ที่เสมือนทีมชาติไทยพบกับนักมวยต่างชาติจากแต่ละทวีป”นายอภิชัย กล่าว

นายอภิชัย กล่าวอีกว่า การกีฬาแห่งประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงทบทวนมาตรฐานมวยไทย 5 ด้าน ได้แก่ การฝึกสอน, ผู้ตัดสิน, การจัดการแข่งขัน, มาตรฐานการบริหารค่ายมวย และการเรียนการสอนมวยไทย ซึ่งหลังจากการทบทวนและเรียบเรียงตำราการฝึกสอนอันหลากหลายให้เป็นหลักสูตรเดียวกันภายในปีนี้ จะมีการประกาศใช้และแปลเป็นภาษาต่างๆ ทั่วโลก เพื่อให้ชาวต่างชาติเข้าใจวิธีการเรียนการสอนที่ได้มาตรฐาน และสามารถแตกแขนงไปศึกษาเชิงลึกในมวยแต่ละสาย เช่น มวยไชยา หรือมวยโคราชได้

ด้านนายวิเชียร  ได้ให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมว่า การให้การรับรองแก่ประเทศใด ควรมีทีมตรวจสอบโดยมีตัวแทนประจำอยู่ในสถานทูตประเทศนั้นๆ นอกจากนี้ยังเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการขยายผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการรับรองมาตรฐาน เพื่อกระตุ้นให้ค่ายมวยต่างชาติเห็นถึงคุณค่าและสามารถต่อยอดเพื่อสร้างมูลค่าให้กับมวยไทยได้ พร้อมเสนอให้มีการจัดเกรดผู้ฝึกสอนในระดับต่างๆ เช่น ระดับเหรียญทอง, เหรียญเงิน หรือเหรียญทองแดง เพื่อดึงดูดชาวต่างชาติให้เข้ามาเรียนกับค่ายมวยที่สนใจมากขึ้น