วันที่ 17 มิ.ย.68 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ระบุว่า...

ผมสนับสนุนแนวทางการเจรจาระหว่างรัฐบาลไทยกับกัมพูชา แม้ว่าจะเต็มไปด้วยความซับซ้อนและคงใช้เวลาอีกมาก แต่ปัญหาเขตแดนของประเทศที่มีชายแดนติดกันเป็นหนังเรื่องยาว และหลายประเทศทั่วโลกไม่ใช่เฉพาะไทย - กัมพูชาก็ยังไม่มีข้อสรุปที่ยอมรับร่วมกัน

แม้ฝ่ายไทยยืนยันทวิภาคีในกรอบ JBC ส่วนกัมพูชามุ่งหน้าไปศาลโลก ICJ เหมือนหันหน้าคนละทางสร้างดาวคนละดวง แต่สำคัญที่สุดคือยังคุยกัน ตราบเท่าที่ยังมีการพูดคุย ก็ยังมีความหวังเรื่องสันติภาพ

ผมเข้าใจการแสดงแสนยานุภาพของกองทัพ แต่ไม่เห็นด้วยกับการใช้กำลังทหารปะทะกัน และชื่นชมเจ้าหน้าที่ไทยทุกหน่วยงานที่รักษาผืนแผ่นดินด้วยความอดทนอดกลั้น

แนวทางการเจรจาที่รัฐบาลไทยเลือกใช้คือปลายทางของการคลี่คลายความขัดแย้งระหว่างประเทศ ไม่ว่าสถานการณ์จะถูกยกระดับไปถึงขั้นไหน แต่สุดท้ายต้องจบที่เวทีเจรจา การพยายามรักษาแนวทางนี้จึงเป็นข้อบ่งชี้ถึงความพยายามและตั้งใจจริงในการแก้ปัญหา

ข้อควรระวังของทั้ง 2 ประเทศในสถานการณ์นี้คือเรื่อง กระแส และ กระสุน

กระแสรักชาติ ปกป้องอธิปไตยคือพลัง แต่อย่าไปไกลถึงขั้นสร้างกระแสชาตินิยมสุดขั้ว เรียกหาความรุนแรง หรือก่อกำแพงระหว่างชนชาติและเผ่าพันธุ์ เพราะจะอย่างไรพรมแดนของทั้ง 2 ประเทศก็ติดกัน และจะเป็นอย่างนี้ไม่เปลี่ยนแปลง

กระสุนคือสิ่งแปลกปลอมที่ต้องกันออกไป พยายามอย่างที่สุดที่ต้องไม่ใช้ หากใช้กระสุนเป็นเครื่องมือแก้ปัญหา สถานการณ์จะคาดเดาไม่ได้ และเรื่องนี้จะมีตัวละครเป็นประเทศอื่นๆ แสดงบทบาทเบื้องหน้าเบื้องหลัง เทียบเคียงได้กับการสู้รบระหว่างบางประเทศในขณะนี้

คุยกันไปเรื่อยๆ เรื่องไหนจบได้ก็จบ จบไม่ได้ก็คุยกันต่อ ระหว่างการพูดคุยต้องรัดกุม หลักยืนเราคือทวิภาคี JBC ไม่หลงเหลี่ยมให้เขาเก็บคำพูด ข้อตกลง หรือท่าที ทำทางไปสู่ศาลโลก

แสดงความจริงใจในการรักษาสันติภาพ รักษาศักดิ์ศรีของประเทศโดยไม่รบไม่สูญเสีย จะเป็นชัยชนะที่แท้จริง และบนเวทีระหว่างประเทศมีผู้ชนะร่วมกันได้