“ฮุน เซน” เตรียม 6 มาตรการโต้ไทย! แบนหนัง-ละครไทย ห้ามรักษาใน รพ.ไทย-รับแรงงานกลับ
วันที่ 13 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา บิดาของนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาคนปัจจุบันโพสต์เฟซบุ๊ก Samdech Hun Sen of Cambodia ระบุว่า...
เมื่อคืนที่ผ่านมา ข้าพเจ้าได้ออกแถลงการณ์ และในเช้าวันนี้ ข้าพเจ้าได้กล่าวถึงรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรอีกครั้ง ในฐานะผู้นำพรรคการเมืองที่เป็นรัฐบาล
ในกรณีที่ฝ่ายไทยปฏิเสธที่จะเปิดด่านพรมแดนที่ได้ปิดไปโดยพลการ กัมพูชาจำเป็นต้องดำเนินมาตรการต่อไปนี้:
1. ประกาศระงับการนำเข้าสินค้าจากประเทศไทยเข้าสู่ตลาดกัมพูชา ซึ่งหมายถึงการหยุดใช้สินค้าจากประเทศไทย และหันมาใช้สินค้าที่ผลิตในประเทศหรือสินค้าจากประเทศอื่นแทน
2. เตรียมการรับซื้อสินค้า—ส่วนใหญ่เป็นสินค้าเกษตร—ที่ประชาชนกัมพูชาเคยส่งออกไปยังประเทศไทย โดยเร่งหาตลาดรองรับทั้งภายในประเทศและในตลาดต่างประเทศ
3. เปลี่ยนเส้นทางการรักษาพยาบาลของผู้ป่วยที่เคยเดินทางไปรักษาที่ประเทศไทย ให้หันมาใช้บริการโรงพยาบาลภายในประเทศ หรือสถาบันการแพทย์ในประเทศอื่นแทน
4. เตรียมการรองรับแรงงานที่อาจเดินทางกลับจากประเทศไทย โดยจัดหาตำแหน่งงานให้เหมาะสม ปัจจุบันกัมพูชาประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานในภาคอุตสาหกรรม เกษตรกรรม และก่อสร้างรวมหลายหมื่นตำแหน่ง แรงงานกัมพูชาอาจเลือกเดินทางกลับด้วยความสมัครใจก่อนที่จะถูกเนรเทศออกจากไทย ซึ่งในบางพื้นที่พวกเขากำลังเผชิญกับการเลือกปฏิบัติและความดูถูกอย่างรุนแรง
5. กองกำลังทุกหน่วยต้องเตรียมพร้อมเต็มที่ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อสามารถตอบโต้และป้องกันได้ในกรณีที่เกิดการรุกราน
6. จังหวัดชายแดนต้องเตรียมพร้อมในการอพยพประชาชนไปยังพื้นที่ปลอดภัย และจัดหาอาหาร ยา และสิ่งของจำเป็นให้เพียงพอ
หากประเทศไทยไม่ดำเนินการแก้ไขปัญหาโดยการเปิดด่านพรมแดนและกลับเข้าสู่ภาวะปกติ กัมพูชาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องดำเนินมาตรการทั้งหมดนี้
ข้าพเจ้าขอวิงวอนต่อพี่น้องประชาชนชาวกัมพูชา อย่าได้กระทำการรุนแรงหรือสุดโต่ง เช่น การประท้วงหน้าสถานเอกอัครราชทูตไทย บริษัทของไทย หรือประชาชนชาวไทยในกัมพูชา และอย่าได้มีความเกลียดชังต่อคนไทยในเชิงชาติพันธุ์ เพราะคนไทยส่วนใหญ่เป็นคนดี มีเพียงกลุ่มหัวรุนแรงบางกลุ่มและบางฝ่ายในกองทัพเท่านั้นที่อยู่เบื้องหลังปัญหานี้กับกัมพูชา ซึ่งเป็นเพราะตามปกติแล้ว รัฐบาลไทยไม่สามารถควบคุมกองทัพของตนเองได้อย่างที่ประเทศของเราทำได้