การตัดสินใจซื้อบ้าน และขอสินเชื่อบ้านนับเป็นก้าวสำคัญทางการเงิน หลายคนอาจมีคำถาม และความกังวลใจ โดยเฉพาะเรื่อง “เครดิต” ซึ่งเป็นปัจจัยที่สถาบันการเงินนำมาพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ บทความนี้ จะช่วยให้เข้าใจว่า เครดิตคืออะไร หากไม่มีประวัติทางการเงินเลย หรือที่เรียกว่า ไม่มีเครดิต จะยังสามารถซื้อบ้านได้หรือไม่ พร้อมเทคนิคสำหรับผู้ที่มีบัตรเครดิตเพื่อเตรียมตัวขอสินเชื่อบ้านให้ราบรื่นยิ่งขึ้น

เครดิตคืออะไร​ ?

เครดิต คือ ข้อมูลที่สะท้อนพฤติกรรมการก่อหนี้ และการชำระหนี้ในอดีตของบุคคล สถาบันการเงินมักตรวจสอบข้อมูลนี้ผ่านเครดิตบูโร ซึ่งจะแสดงผลเป็นคะแนนเครดิต (Credit Scoring) โดยคะแนนนี้คำนวณจากข้อมูลทางสถิติ เพื่อประเมินความน่าจะเป็นในการชำระหนี้คืนตามข้อตกลง 

ดังนั้นประวัติการใช้จ่าย และการชำระหนี้บัตรเครดิต จึงเป็นส่วนหนึ่งที่สถาบันการเงินใช้ประกอบการพิจารณา เนื่องจากช่วยให้เห็นภาพรวมของวินัยทางการเงิน และความสามารถในการจัดการหนี้สินของผู้ขอสินเชื่อ

ถ้าเราไม่มีเครดิต ซื้อบ้านได้ไหม

คำถามยอดนิยมคือ แล้วถ้าเราไม่มีเครดิตซื้อบ้านได้ไหม ? คำตอบคือ ยังมีโอกาส แม้ว่าการมีประวัติเครดิตที่ดีจากการใช้บัตรเครดิตอาจช่วยให้การประเมินสินเชื่อง่ายขึ้น แต่สถาบันการเงินไม่ได้พิจารณาเพียงข้อมูลเครดิตเท่านั้น แต่ยังพิจารณาหลักฐานทางการเงินอื่น ๆ ประกอบด้วย เช่น 

  • รายงานการเคลื่อนไหวทางบัญชีเงินฝากย้อนหลัง (Bank Statement) ประมาณ 6-12 เดือน
  • หลักฐานการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
  • หลักทรัพย์อื่น ๆ ที่แสดงถึงความมั่นคง และฐานะทางการเงิน

สิ่งเหล่านี้ช่วยให้สถาบันการเงินประเมินความสามารถในการชำระหนี้ในอนาคตได้ ดังนั้น แม้จะไม่มีเครดิต ก็สามารถขอกู้ซื้อบ้านได้ แต่จะต้องเตรียมเอกสารเหล่านี้ให้พร้อมด้วย

5 เทคนิคขอสินเชื่อบ้านให้ผ่านง่ายขึ้นสำหรับคนมีบัตรเครดิต

สำหรับผู้ที่มีบัตรเครดิต และต้องการขอสินเชื่อบ้าน การมีวินัยทางการเงินที่ดี และการจัดการการใช้บัตรเครดิตอย่างเหมาะสม จะช่วยเพิ่มโอกาสในการอนุมัติสินเชื่อได้มากขึ้น ต่อไปนี้คือ 5 เทคนิคที่สามารถนำไปปรับใช้ได้

1. ชำระหนี้ให้ตรงเวลา

การชำระหนี้บัตรเครดิตให้ตรงตามกำหนดเวลาเป็นหัวใจสำคัญ สถาบันการเงินจะให้ความสำคัญกับประเด็นนี้เป็นอันดับต้น ๆ เพราะสะท้อนถึงวินัยทางการเงินของผู้ขอสินเชื่อได้อย่างชัดเจน การชำระหนี้ตรงเวลาสม่ำเสมอแสดงให้เห็นว่า คุณสามารถจัดการภาระหนี้ได้ โดยไม่ต้องมีการติดตามทวงถาม หากมีประวัติการชำระล่าช้า อาจส่งผลกระทบต่อการพิจารณาสินเชื่อ และเพิ่มความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับการอนุมัติ

2. ลดการใช้บัตรเครดิตเต็มวงเงิน

พฤติกรรมการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตจนเต็มวงเงินบ่อยครั้ง อาจถูกมองว่า เป็นสัญญาณของการใช้เงินเกินตัว หรือมีภาวะการเงินแบบเดือนชนเดือน ซึ่งบ่งชี้ถึงการบริหารจัดการเงินที่ยังไม่ดีพอ หากคุณมีพฤติกรรมเหล่านี้อยู่ ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่ายให้เหมาะสม โดยพยายามควบคุมการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในแต่ละเดือนไม่ให้สูงจนเกินไป เช่น ไม่เกิน 15-20% ของรายได้ เพื่อให้มีสภาพคล่องเพียงพอสำหรับภาระผ่อนชำระสินเชื่อบ้านในอนาคต

3. ชำระหนี้บัตรเต็มจำนวน

การชำระยอดหนี้บัตรเครดิตเต็มจำนวนทุกครั้ง แทนการจ่ายเพียงขั้นต่ำ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่แสดงให้สถาบันการเงินเห็นว่า คุณมีการบริหารจัดการเงินที่ดี มีกระแสเงินสดหมุนเวียนเพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายที่ก่อขึ้น และไม่มีภาระหนี้สะสมมากเกินไป ซึ่งช่วยสร้างความเชื่อมั่นในความสามารถทางการเงินของคุณได้มาก

4. ใช้บัตรเครดิตเท่าที่จำเป็น

แม้ว่าบัตรเครดิตแต่ละใบอาจมอบสิทธิประโยชน์ที่น่าสนใจแตกต่างกันไป แต่การถือครองบัตรเครดิตจำนวนมากเกินความจำเป็น อาจทำให้สถาบันการเงินมองว่า คุณมีโอกาสสร้างหนี้สินในอนาคตได้สูง ควรเลือกมีบัตรเครดิตในจำนวนที่เหมาะสมกับการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน เพื่อลดความเสี่ยงในการก่อหนี้ที่ไม่จำเป็น

5. เคลียร์หนี้บัตรเครดิตให้เรียบร้อยก่อนกู้บ้าน

หากมีภาระหนี้บัตรเครดิตคงค้างอยู่ ควรพยายามจัดการ หรือลดภาระหนี้เหล่านั้นให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อนยื่นขอสินเชื่อบ้าน การเคลียร์หนี้เดิมให้หมดไปไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มโอกาสในการอนุมัติสินเชื่อบ้าน แต่ยังอาจทำให้ได้รับวงเงินสินเชื่อที่สูงขึ้นด้วย เนื่องจากเป็นการแสดงให้สถาบันการเงินเห็นถึงสภาพคล่องทางการเงินที่ดีขึ้น และความสามารถในการชำระหนี้ที่เพิ่มมากขึ้น

สรุปบทความ

สรุปแล้ว เครดิต คือประวัติ และพฤติกรรมการชำระหนี้ที่สถาบันการเงินใช้ประเมินความเสี่ยงในการให้สินเชื่อ การมีบัตรเครดิต และใช้จ่ายอย่างมีวินัย จึงช่วยสร้างประวัติที่ดีได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่ไม่มีบัตรเครดิตก็ยังสามารถยื่นขอสินเชื่อบ้านได้ โดยสถาบันการเงินจะพิจารณาจากหลักฐานทางการเงินอื่น ๆ เพื่อประเมินความสามารถในการผ่อนชำระ ส่วนผู้ที่มีบัตรเครดิต การชำระหนี้ตรงเวลา ไม่ใช้จ่ายเกินตัว ชำระเต็มจำนวน ใช้บัตรเท่าที่จำเป็น และเคลียร์หนี้สินเดิมให้เหลือน้อยที่สุด จะช่วยเพิ่มโอกาสในการอนุมัติสินเชื่อบ้านได้มากขึ้นนั่นเอง