การตรวจสภาพรถขั้นตอนสำคัญที่คนมีรถไม่ควรมองข้าม ไม่ว่าจะเป็นการตรวจก่อนทำประกันรถยนต์ชั้น 1 หรือตรวจเพื่อต่อภาษีประจำปี การตรวจสภาพรถที่ ตรอ. ก็ช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่ารถของคุณปลอดภัยพร้อมใช้งาน บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับการตรวจสภาพรถที่ ตรอ. ต้องใช้เอกสารอะไร ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ตรวจอะไรบ้าง ตอบครบในบทความนี้

การตรวจสภาพรถ ตรอ. คืออะไร

การตรวจสภาพรถ ตรอ. เป็นการตรวจสอบความปลอดภัยและความพร้อมในการใช้งานของรถยนต์ โดย "ตรอ." ย่อมาจาก "สถานตรวจสภาพรถเอกชน" ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ได้รับการรับรองมาตรฐานและได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องจากกรมขนส่งทางบกให้ดำเนินการตรวจสภาพรถยนต์และรถจักรยานยนต์

การมี ตรอ. ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับเจ้าของรถที่ไม่ต้องเดินทางไปที่กรมขนส่งทางบกโดยตรง เป็นทางเลือกที่ช่วยประหยัดเวลาและลดความแออัดที่กรมขนส่งทางบก โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งการตรวจสภาพรถไม่เพียงแต่เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายเท่านั้น แต่ยังช่วยรับรองว่ารถของคุณมีความปลอดภัยและพร้อมใช้งานบนท้องถนน

เมื่อไหร่ที่ควรนำรถไปตรวจสภาพรถ

ตามกฎหมายได้กำหนดให้รถที่มีอายุการใช้งานถึงเกณฑ์ที่กำหนดต้องเข้ารับการตรวจสภาพรถก่อนการต่อภาษีประจำปี โดยรถที่ต้องตรวจสภาพ ตรอ. ได้แก่

  • รถยนต์ส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 7 ปีขึ้นไป
  • รถยนต์ส่วนบุคคลเกิน 7 ที่นั่ง ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 7 ปีขึ้นไป
  • รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 7 ปีขึ้นไป
  • รถจักรยานยนต์ ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป
  • รถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ที่ขาดต่อภาษีเกิน 1 ปี

รถแบบไหนที่ตรวจสภาพรถไม่ได้

ไม่ใช่รถทุกคันจะสามารถเข้ารับการตรวจสภาพที่ ตรอ. ได้ เพราะมีบางกรณีที่ต้องไปตรวจที่สำนักงานขนส่งโดยตรง เช่น

  • รถที่มีการดัดแปลงสภาพผิดไปจากที่จดทะเบียนไว้ เช่น การเปลี่ยนสี การดัดแปลงตัวถัง
  • รถที่มีปัญหาเกี่ยวกับเลขตัวรถหรือเลขเครื่องยนต์ เช่น ไม่ปรากฏตัวเลข มีการขูด หรือตัวเลขลบเลือน
  • รถที่ขาดต่อทะเบียนเกิน 1 ปี
  • รถที่มีปัญหาเกี่ยวกับการถูกโจรกรรมแล้วได้คืน
  • รถเก่าที่มีเลขทะเบียนรุ่นเก่า เช่น กท-00001, กทจ-0001
  • รถที่ใช้ LPG, NGV ที่ยังไม่ได้ตรวจสภาพก๊าซและอุปกรณ์ส่วนควบมาก่อน

หากรถของคุณอยู่ในกลุ่มเหล่านี้ ควรติดต่อกรมขนส่งทางบกในพื้นที่โดยตรงเพื่อทำการตรวจสภาพ

เอกสารที่ใช้ในการตรวจสภาพรถ

สิ่งที่ต้องเตรียมคือ เล่มทะเบียนรถฉบับจริง เพียงแค่นี้ก็สามารถนำรถไปตรวจได้ทันที หลังจากผ่านการตรวจแล้วจะได้รับใบรับรองการตรวจสภาพรถตามแบบที่กรมขนส่งทางบกกำหนด ซึ่งใช้ประกอบการต่อภาษีได้ โดยใบรับรองนี้มีอายุใช้งาน 3 เดือน

ตรวจสภาพรถ ตรอ. ตรวจอะไรบ้าง

การตรวจสภาพรถที่ ตรอ. เป็นการตรวจสอบแบบละเอียดในทุกส่วนประกอบสำคัญของรถ เพื่อให้มั่นใจว่ารถอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานและปลอดภัย โดยมีรายการตรวจสอบดังนี้

  1. การตรวจความถูกต้องของข้อมูล เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบว่าข้อมูลในสมุดทะเบียนรถตรงกับรถที่นำมาตรวจหรือไม่ เช่น ยี่ห้อ รุ่น สี หมายเลขทะเบียน เลขตัวถังและเครื่องยนต์
  2. การตรวจภายในตัวรถ ตรวจสอบความปลอดภัยภายในรถ เช่น หน้าปัด พวงมาลัย กระจกมองหน้าหลัง เข็มขัดนิรภัย สวิตช์ควบคุมไฟสัญญาณ และแตร
  3. การตรวจภายนอกตัวรถ ตรวจสอบสภาพภายนอก ได้แก่ ล้อ ยาง กันชน ประตู รวมถึงการตรวจสอบใต้ท้องรถ เช่น โช้ค แหนบ และโครงสร้างตัวถัง
  4. การตรวจสอบระบบควบคุม ทดสอบทั้งศูนย์ล้อและระบบเบรก ทั้งเบรกมือและเบรกเท้า
  5. การตรวจระบบไฟ วัดระยะแสงไฟรถ ตรวจสอบความเข้มของไฟสูงและไฟต่ำ
  6. การตรวจวัดระดับค่าแก๊สและปริมาณควันดำ ตรวจวัดค่าก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์และไฮโดรคาร์บอน รวมถึงปริมาณควันดำจากปลายท่อไอเสีย
  7. การตรวจวัดระดับเสียง วัดระดับเสียงจากท่อไอเสียที่ความเร็วรอบเครื่องยนต์ประมาณ 3 ใน 4 ของความเร็วสูงสุด โดยค่าระดับเสียงสูงสุดต้องไม่เกิน 95 เดซิเบล ตามมาตรฐานที่กำหนด

ตรวจสภาพรถราคาเท่าไหร่

ค่าบริการในการตรวจสภาพรถ ตรอ. ถูกกำหนดโดยกรมขนส่งทางบก เพื่อป้องกันการเรียกเก็บค่าบริการที่ไม่เป็นธรรม โดยแบ่งตามประเภทของรถดังนี้

  • รถจักรยานยนต์ คันละ 60 บาท
  • รถยนต์ที่มีน้ำหนักรถเปล่าไม่เกิน 1,600 กิโลกรัม คันละ 150 บาท
  • รถยนต์ที่มีน้ำหนักรถเปล่าเกิน 1,600 กิโลกรัม คันละ 250 บาท

สรุปบทความ

การตรวจสภาพรถ ที่ ตรอ. เป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยรับรองความปลอดภัยและความพร้อมในการใช้งานของรถ โดยเฉพาะรถที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 7 ปี การเตรียมเอกสารและรถให้พร้อมสำหรับการตรวจสภาพจะช่วยให้กระบวนการเป็นไปอย่างราบรื่น และเมื่อผ่านการตรวจสภาพแล้วคุณจะได้รับใบรับรองที่สามารถนำไปต่อภาษีรถประจำปีได้ทันที