"เจ้าพระยา"มองเหตุการณ์ตึงเครียดล่าสุดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชานั้น สามารถแบ่งการวิเคราะห์ได้เป็น 3 แนวทางหลัก ประกอบด้วย 1. เหตุการณ์จริงโดยไม่มีเบื้องหลังการเมือง มีความเป็นไปได้ว่าความตึงเครียดที่ชายแดนเกิดขึ้นจากปัญหาท้องถิ่นตามธรรมชาติ เช่น ความเข้าใจผิดของทหารชายแดน หรือการเคลื่อนไหวของกลุ่มกองกำลังท้องถิ่น ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองระดับชาติแต่อย่างใด …*…
2. เกิดจริงแต่ถูกขยายผลเพื่อประโยชน์ทางการเมือง แม้เหตุการณ์จะเป็นความจริง แต่รัฐบาลอาจใช้โอกาสนี้ในการเบี่ยงเบนความสนใจของสังคมจากปัญหาภายใน เช่น ความขัดแย้งพรรคร่วม หรือความล้มเหลวในการบริหารเศรษฐกิจ โดยอาศัยสื่อรายงานสถานการณ์ชายแดนอย่างเข้มข้น สร้างกระแสให้ประชาชนโฟกัสที่ภัยจากภายนอกแทน และ3. การจัดฉากทางการเมืองอย่างมีแผน แม้จะเป็นสมมติฐานที่รุนแรง แต่ก็มีความเป็นไปได้เช่นกันว่ารัฐบาลอาจมีส่วนรู้เห็นในการก่อให้เกิดสถานการณ์ตึงเครียด เช่น การส่งทหารเข้าไปตั้งฐานในจุดเสี่ยง หรือสร้างข่าวปลอมเพื่อปลุกกระแสความมั่นคง อย่างไรก็ตาม ในยุคข้อมูลเปิดกว้างเช่นนี้ การจัดฉากเช่นนั้นเสี่ยงต่อการถูกเปิดโปงและสร้างความเสียหายมากกว่าได้ประโยชน์ …*…
แม้จะไม่มีหลักฐานชัดเจนว่ารัฐบาลมีส่วนจัดฉากปัญหาชายแดน แต่ก็มีน้ำหนักเพียงพอที่จะตั้งข้อสังเกตว่า เหตุการณ์นี้ถูกนำมาใช้ในทางการเมืองเพื่อกลบข่าวเสียหายภายในรัฐบาลอย่างมีนัยยะ สถานการณ์ตึงเครียดชายแดนไทย–กัมพูชาในครั้งนี้จึงไม่ควรถูกมองในแง่ความมั่นคงเพียงอย่างเดียว แต่ควรถูกพิจารณาในฐานะเครื่องมือทางการเมืองที่อาจมีเป้าหมายแฝงเร้น เพื่อเปลี่ยนทิศทางความสนใจของสังคมจากเรื่องเศรษฐกิจ ความล้มเหลวของนโยบาย หรือความขัดแย้งของพรรคร่วมรัฐบาล …*…
และในฐานะประชาชนเราควรตั้งคำถามกับข้อมูลที่ได้รับ ตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน และอย่าปล่อยให้ความหวาดกลัว กลายเป็นเครื่องมือของผู้มีอำนาจในการกำหนดทิศทางการเมืองของประเทศ