ทีมกฎหมายและคณะทำงาน สว.นิชาภา นำชาวบ้าน ยื่นขอกองทุนประกันตัวผู้ยากไร้ หลังถูกทหารฟ้องรุกที่ดิน
วันที่ 4 มิ.ย.68 พ.ต.อ.เอกราช หุ่นงาม ผู้ชำนาญการประจำตัวสมาชิกวุฒิสภา นางสาวนิชาภา สุวรรณนาค พร้อมด้วยนายสำอาง หรั่งวัด ผู้ช่วยดำเนินงานสมาชิกวุฒิสภา และนายชัยพฤษ์ มั่งคั่ง คณะทำงานประจำสมาชิกวุฒิสภา ได้ลงพื้นที่เพื่อติดตามให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมายที่สำนักงานยุติธรรมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กรณีชาวบ้านในพื้นที่บ้านเขาจ้าวและบ้านบึงนคร รวมกว่า 20 ราย ที่ถูกหน่วยงานทหารดำเนินการฟ้องร้องในข้อหาบุกรุกพื้นที่ของรัฐ
สืบเนื่องจากการที่ชาวบ้านได้เข้ายื่นหนังสือร้องทุกข์และขอความช่วยเหลือในการประชุม “สมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน” ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2568 ณ ศาลาหมู่บ้าน หมู่ที่ 5 ตำบลเขาจ้าว โดยได้ร้องขอให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้ความช่วยเหลือทางกฎหมาย หลังจากมีหมายเรียกฟ้องร้องในข้อหาบุกรุกที่ดินของรัฐ โดยเฉพาะกรณีของผู้ที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์อย่างเป็นทางการแต่ได้อยู่อาศัยและทำกินในพื้นที่ดังกล่าวมาเป็นเวลานาน
จากการลงพื้นที่ในครั้งนี้ ทีมกฎหมายได้ทำการตรวจสอบเอกสารที่เกี่ยวข้องกับที่ดิน พร้อมทั้งพูดคุยกับชาวบ้านผู้ถูกฟ้องร้องแต่ละราย เพื่อเก็บรวบรวมข้อเท็จจริงเพิ่มเติม พบว่ายังมีข้อสงสัยและช่องว่างทางกฎหมายในหลายประเด็นที่จำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบอย่างรอบด้าน เช่น ข้อพิพาทเรื่องแนวเขตที่ดิน การใช้ประโยชน์จากพื้นที่มาอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีการบุกรุกใหม่ และสถานะของพื้นที่ตามแผนที่ของหน่วยงานราชการในอดีต
ในเบื้องต้น คณะทำงานได้ประสานไปยังสำนักงานยุติธรรมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อยื่นขอความช่วยเหลือจาก “กองทุนยุติธรรม” สำหรับผู้ต้องหาที่ไม่มีเงินหรือหลักทรัพย์ใช้ประกันตัว หากกรณีถูกอัยการมีคำสั่งฟ้องร้องอย่างเป็นทางการ โดยเน้นย้ำถึงสิทธิของประชาชนที่จะได้รับความช่วยเหลือทางกฎหมายโดยไม่เลือกปฏิบัติ
ด้านพ.ต.อ.เอกราช กล่าวว่า การดำเนินคดีทางกฎหมายกับประชาชนผู้มีรายได้น้อยซึ่งอาศัยอยู่ในพื้นที่มาเป็นเวลานาน ต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบ เป็นธรรม และยึดหลักสิทธิมนุษยชน เราจะติดตามกรณีนี้อย่างใกล้ชิด และให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ตามกระบวนการที่ถูกต้อง เพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนอย่างไม่เป็นธรรม โดยทีมงานจะมีการรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม และเตรียมยื่นเอกสารร้องเรียนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อผลักดันให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเชิงลึก และหาทางออกที่เหมาะสมระหว่างประชาชนและภาครัฐอย่างเป็นธรรมต่อไป