เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2568 น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ฝ่ายการเมือง เปิดเผยว่า ยิ่งใกล้วันที่ 12 มิถุนายน ที่กรรมการแพทยสภานัดประชุมเพื่อพิจารณาข้อเสนอของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะแพทยสภานายกพิเศษ ที่ยับยั้งการลงโทษพักใช้ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมแพทย์ 2 ราย ก็ยิ่งมีกลุ่มบุคคลออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างเป็นขบวนการหนักขึ้น มีการล่าชื่อแพทย์ ออกแถลงการณ์เรียกร้องกดดันเพื่อถอดถอนนายสมศักดิ์ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี การขับไล่รัฐบาล ก่อเกิดสภาวะความเสี่ยงที่จะกระทบต่อองค์กรวิชาชีพแพทยสภา เพียงแค่ต้องการจะเล่นงาน นายทักษิณ ชินวัตร ให้ได้ คำว่าระบอบทักษิณที่ฝ่ายตรงข้ามเคยใช้เป็นวาทกรรมจนนำไปสู่การรัฐประหารเมื่อปี 2549 ก็ถูกขุดเอามาใช้โจมตีกันอีก ซึ่งเชื่อว่าคนไทยที่รักประชาธิปไตยและต้องการเห็นความกลมเกลียวไม่ยอมรับกับวิธีการเช่นนี้

น.ส.ตรีชฎา กล่าวว่า นายสมศักดิ์ยืนหนังสือให้มีการยับยั้งมติแพทยสภาที่ลงโทษนายแพทย์ 2 ราย ที่เกี่ยวกับกรณีนายทักษิณ ด้วยการพักการใช้ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม ซึ่งหมายถึงไปตรวจรักษาคนไข้ไม่ได้เป็นเวลา 3 เดือน และ 5 เดือนนั้น เป็นการปฏิบัติไปตามอำนาจของแพทยสภานายกพิเศษที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 มาตรา 25 ไม่ใช่นายสมศักดิ์ใช้อำนาจตามใจชอบ เช่นเดียวกับกรรมการแพทยสภาที่มีอยู่ 69 คน หากยืนยันมติเดิมจะต้องใช้คะแนนโหวตให้ได้ 2 ใน 3 นั่นคือไม่น้อยกว่า 47 เสียง ซึ่งก็เป็นไปตาม พ.ร.บ.ฉบับเดียวกันนี้ แพทยสภาไม่สามารถลงโทษแพทย์ 2 ราย ได้ตามอารมณ์ของกรรมการแพทยสภาคนใดได้ ผลออกมาอย่างไรก็ต้องยอมรับไปตามนั้น

โฆษก สธ.กล่าวต่อว่า เหตุผลในการวีโต้หรือยับยั้งมติแพทยสภาที่นายสมศักดิ์แถลงข่าวและระบุไว้ในหนังสือได้ผ่านขั้นตอนการศึกษาพินิจพิเคราะห์ของคณะกรรมการ 10 คน ที่ให้ไปพิจารณาเรื่องนี้ ซึ่งเป็นความรอบคอบและถี่ถ้วนก่อนจะใช้อำนาจวีโต้ หลักสำคัญคือ ควรให้ความเป็นธรรมกับแพทย์ทั้ง 2 ราย ที่ยื่นคำร้องมาถึงนายสมศักดิ์ ไม่ควรถูกลงโทษด้วยมาตรการที่รุนแรงขนาดนั้น มีแพทย์รายหนึ่งถูกมติแพทยสภาลงโทษตักเตือน เรื่องนี้นายสมศักดิ์ก็ไม่ได้โต้แย้งใดๆ แม้ว่าแพทยสภาจะเป็นองค์กรวิชาชึพอิสระ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำทุกอย่างได้โดยไม่มีกลไกถ่วงดุลตรวจสอบ

กฎหมายจึงระบุให้สภานายกพิเศษมีอำนาจถ่วงดุลโต้แย้ง พร้อมกับระบุวิธีการไว้ การที่มีการสร้างกระแสกดดันว่าต้องยึดตามมติแพทยสภาโดยไม่คำนึงถึงประเด็นและเนื้อหาในข้อโต้แย้ง จึงเป็นความเห็นที่ไม่ถูกหลักการ เป็นการพิพากษาอาศัยกระแสสังคมกดดันกรรมการแพทยสภาที่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิควรใช้วิจารณญาณไตร่ตรองมาพิจารณาให้รอบด้าน

"ขณะนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่า แพทยสภากำลังแปดเปื้อนไปด้วยกลิ่นคาวทางการเมือง จากการถูกขบวนการฝ่ายตรงข้ามพยายามเคลื่อนไหวทุกวิถีทาง เพื่อจะเล่นงานนายทักษิณให้ได้ ต้องการจะทำให้นายสมศักดิ์พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข สำหรับแพทย์ 2 ราย ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่เรื่องโตอะไรเลย ถ้ากรรมการแพทยสภาลงมติใหม่ได้คะแนนไม่ถึง 47 เสียง การลงโทษพักใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมก็ต้องปรับเปลี่ยนใหม่ เพราะมันรุนแรงเกินไป ขอแต่เพียงว่า กรรมการแพทยสภาบางคนอย่าเล่นการเมืองจนเลยเถิด อย่าเอาความอาฆาตแค้นส่วนตัวมาเป็นเครื่องมือเล่นงานฝ่ายตรงข้าม เพราะจะได้ไม่คุ้มเสีย องค์กรแพทยสภาต้องอยู่ต่อไปเพื่อกำกับดูแลจริยธรรมแพทย์และเพื่อคุ้มครองประชาชน อย่าต้องมามัวหมองมากไปกว่านี้เลย" น.ส.ตรีชฎา กล่าว