“นภินทร” เข้ารับทราบข้อกล่าวหาคดี “ฮั้วเลือก สว.” มั่นใจ 100% ไม่เกี่ยวกับตน เชื่อ “ไชยชนก” ไม่มีเส้นเงินเอี่ยว “อนุทิน” แนะ “ดีเอสไอ” ออกหมายเรียก “ณฐพร” ผู้ต้องหาคดีฟองเงินสหกรณ์คลองจั่น ชี้ ถ้าไม่มาต้องออกหมายจับ อย่าปล่อยคนผิดลอยนวล ส่วน “สว.อุปกิต” รอดคุก “ศาลยกฟ้องทุกข้อหา” ไม่เกี่ยวกับฟอกเงิน – ยาเสพติด
เมื่อวันที่ 28 พ.ค.68 นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้เดินทางมายังสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อเข้ารับทราบข้อกล่าวหาในคดีฮั้วเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) โดยมั่นใจในการพิสูจน์ข้อเท็จจริงร้อย ว่าไม่เกี่ยวข้องกับการฮั้วเลือก สว.และเชื่อว่าเป็นเรื่องเท็จทั้งนั้น
เมื่อถามถึงเส้นทางการเงินในคดีที่เชื่อมโยงไปถึง นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย นายนภินทร กล่าวว่า คนอื่นตนไม่ทราบ แต่เชื่อว่าเลขาธิการพรรคไม่เกี่ยวข้อง และขอยืนยันว่า ไม่มีอะไรให้กังวล ซึ่งมั่นใจในตัวเอง และพยานหลักฐานที่เรามี
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงคดีความคืบหน้าติดตามตัวนายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดินเป็น 1 ใน 14 ผู้ต้องหาร่วมกันฟอกเงินคดีสหกรณ์คลองจั่น ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ประสานกรมการปกครองในการติดตัวไปฟ้องศาลหรือไม่ ว่า จริงๆ มีการประสานกันอยู่แล้ว โดยดีเอสไอได้ติดตามตัวในจังหวัดต่างๆ เกี่ยวกับคดีฮั้ว สว.โดยมีหนังสือให้ฝ่ายปกครองให้ความร่วมมือ ดีเอสไอลงพื้นที่
ฉะนั้น หากดีเอสไอ โดยสำนักงานอัยการสูงสุด ประสานมาให้ติดตามตัวนายณฐพร ไปถึงขึ้นศาลจำนวน 2 ครั้ง ซึ่งขณะนี้ใกล้หมดอายุความในวันที่ 15 มิ.ย.นี้ กระทรวงมหาดไทยก็พร้อมให้ความร่วมมือกับดีเอสไอ ว่ามีการหลบซ้อนอยู่ที่ไหนแต่ต้องรอให้ดีเอสไอออกหมายจับ ก่อนเพราะขณะนี้ออกแค่หมายเรียกแล้ว เพราะหากออกหมายจับทุกองค์กรก็ต้องชี้เบาะแส ให้การร่วมมือในการจับกุมผู้ต้องหา ที่ต้องเร่งเพราะอายุความเหลือนิดเดียว
นายอนุทิน กล่าวว่า หากดีเอสไอออกหมายเรียกไปแล้วไม่มาต้องออกหมายจับ เพราะอัยการประสานดีเอสไอ ให้ออกหมายเรียกตั้งเดือน ก.พ.68 และเวลาล่วงเลยมาหลายเดือน ผู้ต้องหาปรากฎณ์ตัวตามที่ต่างๆ และแจ้งกำหนดการล่วงหน้าว่าจะไปไหน
“ตรงนี้ผมว่าผู้มีหน้าที่จับกุมต้องอธิบายให้ได้ว่าทำไมปล่อยให้ทอดมาถึงทุกวันนี้ จนใกล้หมดอายุความ ฉะนั้น ต้องเร่งเพราะผู้ต้องหาไม่ได้หลบหนีไปไหน” นายอนุทิน กล่าว
เมื่อถามว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีจะดึงเรื่องหรือไม่ เพราะดำเนินการมา 8 ปี ยังไม่สามารถฟ้องศาลได้ นายอนุทิน กล่าวว่า นายณฐพร มีหลายคดีแล้ว ตั้งแต่ใช้ชื่อเก่า เช่นคดีเช็ค แต่ไม่มีการควบคุมตัวเลย ซึ่งจากที่กรมการปกครองไปตรวจสอบประวัติอาชญากร ก็มีหลายคดี โดยใช้ชื่อเก่า ซึ่งลักษณะก็คล้ายแบบนี้ทอดและดึงเวลาให้หมดอายุความ แต่เที่ยวนี้คงลำบาก เพราะปรากฏตัวอย่างชัดเจน และมีหนังสือของอัยการให้เร่งรัดจับกุม ซึ่งหากไม่จับกุมก็เข้าข่ายละเว้นปฎิบัติหน้าที่ และจะทำให้ภาพลักษณ์ของรัฐดูไม่ดี ดังนั้น ต้องช่วยกัน ซึ่งมหาดไทยก็ต้องช่วยดีเอสไอ เพราะเราเกี่ยวข้องความมั่นคงในประเทศอยู่แล้ว จะให้คนผิดกฎหมายลอยนวลหนีคดีเดินไปเดินมาไม่ได้
ส่วน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะกำกับดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายอนุทิน ออกมาระบุว่าขอให้ดีเอสไอเร่งรัดนำตัวนายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งถูกดำเนินคดีฟอกเงินสหกรณ์คลองจั่น เร่งรัดส่งอัยการสั่งฟ้องในฐานะกำกับดูแลดีเอสไอจะกำชับเร่งรัดอย่างไร ว่า ต้องรอให้ดีเอสไอว่ากันไปตามกระบวนการ เมื่อวันที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมา ตนเจอนายอนุทินก็ยังไม่เห็นพูดเรื่องนี้
เมื่อถามต่อว่า นายอนุทินระบุว่า หากกำลังของดีเอสไอไม่พอ กรมการปกครองพร้อมสนับสนุนการทำงานของดีเอสไอ จึงทำให้มีการโยงว่าเป็นประเด็นทางการเมืองเรื่องการเอาคืนคดีฮั้วสว.ด้วยหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า หลายฝ่ายที่ว่านั้นคิดเร็วเกินไป ยังไม่ถึงขั้นนั้น เมื่อวันที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมายังพูดคุยกันดีและเป็นเรื่องของดีเอสไอ ตนแค่เข้าไปกำกับดูแลไม่ถึงขนาดเข้าไปสั่งการอะไรได้ ฉะนั้นเขาทำหน้าที่ของเขาและถ้าจะถึงกระบวนการของเราเขาก็จะรายงานถึงตอนนั้นค่อยมาว่ากัน แต่โดยการกระทำของดีเอสไอเขามีผู้บังคับบัญชาที่ชัดเจน ก็ต้องไปดำเนินการและเท่าที่เราได้ฟังมามีทั้งข้อกล่าวหาและข้อห่วงใย เราก็รับมาพิจารณา แต่ไม่เข้าไปแทรกแซงและปล่อยให้เขาทำงาน ส่วนผู้เกี่ยวข้องจะสบายใจ หรือไม่สบายใจก็ต้องไปว่ากัน ตนไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้อง เพราะตนคุมเรื่องนโยบาย
วันเดียวกัน ที่ศาลอาญา ได้นัดพิพากษา ในคดีหมายเลขดำที่ ย.1445/2566 ที่ อัยการสูงสุด มีคำสั่งฟ้องนายอุปกิต ปาจารียางกูร อดีตสมาชิกวุฒิสภา(สว.) เป็นจำเลย ในข้อหาเป็น สว.สมคบกันฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน, เป็นสว.ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ สนับสนุนหรือช่วยเหลือ หรือสมคบกันกระทำผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดฯ รวม 6 ฐานความผิด จากคดีที่ถูกกล่าวหาว่ามีพฤติการณ์พัวพันกับขบวนการยาเสพติดและการฟอกเงินกับ นายทุนมินลัต ชาวเมียนมา ที่ถูกตำรวจไทยจับกรณีเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด และฟอกเงิน เมื่อ 17 ก.ย. 65
โดยล่าสุด ศาลมีคำพิพากษา ยกฟ้องทุกข้อหา ไม่เกี่ยวกับฟอกเงิน และยาเสพติด จากเหตุพยานหลักฐานฟังไม่ได้ว่าร่วมกันฟอกเงินในประเทศ และนอกประเทศ รวมทั้งไม่ได้สมคบกับผู้ค้ายาเสพติดในประเทศและนอกประเทศ