“หมอดินอาสา” ถือเป็นหัวใจของการพัฒนาที่ดินอย่างยั่งยืนในประเทศไทย ภายใต้การส่งเสริมของ
กรมพัฒนาที่ดิน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กลุ่มคนเล็ก ๆ ที่เป็นจิตอาสาเหล่านี้ ได้กลายเป็นกลไกสำคัญในการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการจัดการดินและนำไปสู่เกษตรกรในชุมชนต่าง ๆ ทั่วประเทศ
หมอดินอาสาไม่เพียงแค่ส่งเสริมการใช้ปุ๋ยอินทรีย์หรือการปรับปรุงดินเท่านั้น แต่ยังเป็นที่ปรึกษาด้านเกษตรกรรมประจำจังหวัด อำเภอ ตำบล หรือหมู่บ้าน โดยใช้เทคโนโลยีและภูมิปัญญาท้องถิ่นผสมผสานกับองค์ความรู้จากกรมพัฒนาที่ดิน เช่น การใช้จุลินทรีย์ พด. (กรมพัฒนาที่ดิน) เพื่อปรับปรุงบำรุงดิน ลดต้นทุนการผลิต และยังเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนกิจกรรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม สร้างเครือข่ายการเรียนรู้ และร่วมวางแผนพัฒนาที่ดินในพื้นที่
ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน กล่าวว่า เนื่องในโอกาส ครบรอบ 62 ปี วันคล้ายวันสถาปนากรมพัฒนาที่ดิน ซึ่งตรงกับวันที่ 23 พฤษภาคม 2568 รวมถึงเป็นการยกย่องและสร้างขวัญกำลังใจให้แก่หมอดินอาสาที่ทำหน้าที่ด้วยความเสียสละและอุทิศตน กรมพัฒนาที่ดิน จึงได้จัดให้มีการคัดเลือกและมอบรางวัล “หมอดินอาสาดีเด่น” โดยในปี 2568 นี้ มีการประกาศผลและมอบรางวัลให้แก่ “12 หมอดินอาสา” ผู้ทุ่มเทปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังทั่วประเทศ โดยใช้เกณฑ์การคัดเลือกที่เข้มข้น ครอบคลุมทั้งด้านผลงาน การมีส่วนร่วมในชุมชน และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีด้านดินได้อย่างเป็นรูปธรรม ได้แก่
ราตรี บัวพนัส หมอดินอาสาประจำตำบลจันเสน อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ คว้ารางวัลเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ สาขาการพัฒนาที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ประจำปี 2568 และรางวัลชนะเลิศหมอดินอาสาดีเด่น ประจำปี 2568 ได้พัฒนาแปลงเกษตร 60 ไร่ บนดินเหนียวจัดให้เป็นพื้นที่ปลูกพืชอินทรีย์ผสมผสาน เลี้ยงสัตว์ และแปรรูปสินค้า ประยุกต์ใช้องค์ความรู้จากกรมพัฒนาที่ดิน โดยคิดค้น "น้ำหมักหญ้าเนเปียร์" แทน
ปุ๋ยยูเรีย ขยายเชื้อจุลินทรีย์ พด.14 รูปแบบแห้ง และประดิษฐ์รถไถกลบตอซังจากยางรถยนต์เก่า
ประกิจ จิตรใจภักดิ์ หมอดินอาสาประจำตำบลนาโยงเหนือ อ.นาโยง จ.ตรัง คว้ารางวัลที่ 2 เกษตรกรดีเด่นระดับประเทศ สาขาการพัฒนาที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ประจำปี 2568 และรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 หมอดินอาสาดีเด่น ประจำปี 2568 ได้ใช้พื้นที่ 45 ไร่ 3 งาน พัฒนาเป็นแปลงเกษตรผสมผสานครบวงจร ทั้งปลูกปาล์ม นาข้าว มะพร้าว ไม้ผล ผัก เลี้ยงหมูป่า วัว ปลา ภายใต้แนวคิด “ขยัน ซื่อสัตย์ ประหยัด อดทน กตัญญู” พร้อมคิดค้นนวัตกรรม เช่น การใช้ พด.14 รักษาโรคไฟทอปธอราในทุเรียน และใช้เปลือกมะพร้าวปรับปรุงคอกสัตว์
สมชาย แซ่ตัน หมอดินอาสาประจำหมู่บ้าน ต.ท่าเสา อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี คว้ารางวัลที่ 3 เกษตรกรดีเด่นระดับประเทศ สาขาการพัฒนาที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ประจำปี 2568 และรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 หมอดินอาสาดีเด่น ประจำปี 2568 ได้เปลี่ยนพื้นที่ดินตื้น 40 ไร่ ซึ่งมีปัญหาเรื่องธาตุอาหารและหินโผล่ ให้กลายเป็นสวนไม้ผลและแหล่งเรียนรู้ด้านเกษตร โดยปลูกแบบผสมผสาน เช่น มะละกอ ทุเรียน เงาะ และยกระดับเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร “ไร่คุณชาย”
เข็มทอง ศรสุข หมอดินอาสาประจำตำบลภูเงิน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้รับรางวัลหมอดินอาสาดีเด่น ประจำปี 2568 จากผลงานพัฒนาแปลงเกษตรอินทรีย์ 9 ไร่ ปลูกทุเรียนภูเขาไฟอินทรีย์ กว่า 190 ต้น พร้อมไม้ผลแซมอื่น ๆ ท่ามกลางข้อจำกัดด้านดินและน้ำ โดยนำเทคโนโลยีกรมพัฒนาที่ดิน เช่น AI Chatbot “น้องดินดี” จุลินทรีย์ พด. มาช่วยปรับปรุงดิน พร้อมคิดค้นสูตร “ปุ๋ยหมักเปลือกทุเรียน” ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต และลดปริมาณขยะในพื้นที่
สุทธิพงค์ พลสยม หมอดินอาสาประจำตำบลเขาค้อ อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ได้รับรางวัลหมอดินอาสาดีเด่น ประจำปี 2568 จากผลงานพัฒนาพื้นที่เกษตรอินทรีย์บนดินกรดจัด ดินมีความลาดชันกว่า 50 ไร่ ด้วยแนวคิด “เลี้ยงดินให้ดินเลี้ยงพืช” ปลูกพืชหมุนเวียน เช่น ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ขิง สตรอว์เบอร์รี เสาวรส พร้อมปลูกสนฉัตรตามแนวขั้นบันไดแบบไม่ต่อเนื่องเพื่อลดการพังทลายของดิน และคิดค้นสูตรน้ำหมัก-ปุ๋ยหมักจากวัสดุในท้องถิ่นโดยใช้ผลิตภัณฑ์จุลินทรีย์ พด. ของกรมพัฒนาที่ดิน
นุกุล นามปราศัย หมอดินอาสาประจำตำบลนพรัตน์ อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี ได้รับรางวัลหมอดินอาสาดีเด่น ประจำปี 2568 จากการพัฒนาดินกรดจัดบนพื้นที่ 256 ไร่ ให้กลายเป็นแปลงเกษตรกล้วยหอมทองที่มีคุณภาพ ได้รับมาตรฐาน GAP และ GI “กล้วยหอมทองปทุม” ได้ใช้วิธีปรับปรุงดินด้วยปูนโดโลไมท์ ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก และน้ำหมัก พร้อมคิดค้นเทคนิค “โกยเลนจากร่องสวนกลบโคนกล้วย” เพิ่มอินทรียวัตถุ เพิ่มธาตุอาหารในดิน ลดปัญหาต้นกล้วยล้ม และปลูกข้าวโพดหวานหมุนเวียน
พิชญ์พงษ์ วิลาวรรณ หมอดินอาสาประจำหมู่บ้าน ต.หนองกุงใหญ่ อ.กระนวน จ.ขอนแก่น ได้รับรางวัลหมอดินอาสาดีเด่น ประจำปี 2568 จากการพัฒนาดินทรายความอุดมสมบูรณ์ต่ำให้กลายเป็นแปลงผักหมุนเวียนปลอดสารในนาม “ไร่ออมสินพอเพียง” โดยคิดค้นสูตร “ดินปลูกไม่ใช้พีทมอส” ด้วยวัสดุท้องถิ่น และ พด.14 เพาะกล้าแทนการซื้อ ลดต้นทุน-เพิ่มรายได้ พร้อมจัดตั้งวิสาหกิจชุมชนบ้านผักหนามคำ ปลูกผักส่งตลาดท้องถิ่น และห้าง Big C ขอนแก่น
ฉัตรชนก ชูแดง หมอดินอาสาประจำตำบลแหลมประดู่ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ได้รับการคัดเลือกให้เป็นหมอดินอาสาดีเด่น ประจำปี 2568 พลิกฟื้นดินความอุดมสมบูรณ์ต่ำจากพืชเชิงเดี่ยวบนพื้นที่ 20 ไร่ ให้เป็นแปลงเกษตรผสมผสาน ทั้งนา บ่อปลา พืชผัก ไม้ผล ปศุสัตว์ พร้อมสร้างสรรค์ภูมิปัญญา “น้ำหมักชีวภาพหน่อกล้วย” ผสมผสานเทคโนโลยี จุลินทรีย์ พด.2 และ พด.3 เพื่อฟื้นฟูดิน และลดสารเคมี
มณฑา คงกะพันธ์ หมอดินอาสาประจำตำบลสินปุน อ.เขาพนม จ.กระบี่ ได้รับคัดเลือกเป็นหมอดินอาสาดีเด่น ประจำปี 2568 ได้เปลี่ยนดินร่วนปนทรายที่เป็นกรดจัดให้กลับมาอุดมสมบูรณ์ เพิ่มผลผลิตพืช ด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ พด. ปลูกพืชผสมผสานบนพื้นที่ 21 ไร่ ทั้งปาล์ม ยางพารา ผัก สมุนไพร ไม้ผล และเลี้ยงสัตว์ พร้อมพัฒนา ระบบน้ำอัตโนมัติควบคุมผ่านมือถือ โดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ช่วยลดแรงงาน และรองรับภัยแล้ง
เสริม คำแปง หมอดินอาสาประจำหมู่บ้าน ต.เจดีย์ชัย อ.ปัว จ.น่าน ได้รับคัดเลือกเป็น หมอดินอาสาดีเด่น ประจำปี 2568 จากดินที่เป็นกรด-ความอุดมสมบูรณ์ต่ำ หมอดินเสริมได้พลิกฟื้นพื้นที่ 9 ไร่ สู่สวนไม้ผลผสมผสาน พร้อมเลี้ยงกบเสริมรายได้ตลอดปี ลดการใช้สารเคมี ผลิตปุ๋ยหมัก-น้ำหมักชีวภาพ ใช้ปูนโดโลไมท์ และหาความรู้เพิ่มเติมจาก AI Chatbot “น้องดินดี” ควบคู่การวิเคราะห์ดิน
เนตร ทองคำ หมอดินอาสาประจำหมู่บ้าน ต.บ้านเสด็จ อ.เมือง จ.ลำปาง ได้รับคัดเลือกเป็น หมอดินอาสาดีเด่น ประจำปี 2568 ได้พัฒนาพื้นที่ดินกรด ความอุดมสมบูรณ์ต่ำ หมอดินเนตรพลิกวิกฤตเป็นโอกาส เปลี่ยนพื้นที่ 7 ไร่ สู่ “ไร่นาสวนผสมคาร์บอนต่ำ” ปลูกข้าว กข.6 สลับผัก-ถั่วลิสง เลี้ยงปลา กบ ไก่ เป็ด หอยขม พร้อมปลูกไม้ใช้สอยและหญ้าแฝกรอบบ่อ ลดการพังทลายหน้าดิน และมีการใช้เทคโนโลยีเลี้ยงกบในนาข้าว ใช้ฟางเน่าเป็นอาหารปลา ใช้น้ำหมักชีวภาพแทนปุ๋ยเคมี ใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน สร้างรายได้และระบบนิเวศที่สมดุล
นาวี ไชยมี หมอดินอาสาประจำตำบลลำคอหงษ์ อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา ได้รับคัดเลือกเป็น หมอดินอาสาดีเด่น ประจำปี 2568 จากผลงานนำร่องการฟื้นฟู ดินเค็ม ด้วยหลัก “เลี้ยงดินให้ดินเลี้ยงพืช” จากพื้นที่ 5 ไร่ 3 งาน ดินมีปัญหาเค็มจัด ไม่เหมาะปลูกพืชทั่วไป หมอดินนาวีพลิกฟื้นพื้นที่ด้วยการปลูกพืชทนเค็ม เช่น กล้วย มะขามเปรี้ยวยักษ์ พุทรา ละมุด พร้อมเทคนิค ผสมผสานหลายแนวทาง ทั้งการคลุมดิน รักษาความชื้น ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ ปลูกพืชปุ๋ยสด ขุดบ่อควบคุมความเค็ม ปลูกหญ้าแฝกอนุรักษ์ดินและน้ำ
หากวันนี้ประเทศไทยยังสามารถส่งต่อความรู้เรื่องการจัดการดินได้ถึงมือเกษตรกรในพื้นที่ห่างไกล ต้องยกเครดิตให้ “หมอดินอาสา” กลุ่มคนธรรมดาที่ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ให้เกิดขึ้นกับผืนแผ่นดินไทย