“เปรมชัย กรรณสูต” คือนามที่คนไทยรู้จักกันดีในฐานะนักธุรกิจระดับเจ้าสัว ผู้บริหารใหญ่แห่งบริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) มีบทบาทสำคัญในแวดวงรับเหมาก่อสร้างระดับประเทศมายาวนาน แต่ชื่อของเขากลับเป็นที่จดจำในมุมมืด เมื่อมีส่วนพัวพันในสองคดีใหญ่ที่สร้างความสะเทือนใจแก่สังคมไทย ได้แก่ คดีล่าเสือดำในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร และล่าสุดคือคดีตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม ซึ่งนำไปสู่การออกหมายจับพร้อมการปฏิเสธสิทธิ์การประกันตัว

จุดเริ่มต้นของวิบากกรรม: คดีเสือดำ ทุ่งใหญ่นเรศวร

ต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2561 นายเปรมชัย กรรณสูต พร้อมพวกรวม 4 คน ได้เข้าไปในพื้นที่ห้วยปะชิ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก จังหวัดกาญจนบุรี โดยไม่มีใบอนุญาต พวกเขาถูกจับได้ขณะตั้งแคมป์ พร้อมของกลางสำคัญ ได้แก่ อาวุธปืนจำนวนมาก และซากสัตว์ป่าคุ้มครอง เช่น เสือดำ ไก่ฟ้าหลังเทา และเก้ง ซึ่งนำไปสู่การดำเนินคดีทางกฎหมาย

คดีนี้ได้รับความสนใจจากสาธารณชนอย่างมาก เนื่องจากสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาการล่าสัตว์ป่าโดยผู้มีอิทธิพล และความเหลื่อมล้ำในระบบยุติธรรมไทย

ลำดับกระบวนการยุติธรรมในคดีเสือดำ

19 มีนาคม 2562: ศาลจังหวัดทองผาภูมิพิพากษาจำคุกนายเปรมชัย 16 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ในข้อหาเกี่ยวกับการสนับสนุนให้ผู้อื่นล่าสัตว์ป่า มีซากสัตว์ป่าไว้ในครอบครอง และพกพาอาวุธปืน

12 ธันวาคม 2562: ศาลอุทธรณ์เพิ่มโทษเป็นจำคุก 2 ปี 14 เดือน โดยไม่รอลงอาญา

8 ธันวาคม 2564: ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ พร้อมกำหนดให้เปรมชัยชดใช้ค่าเสียหายให้กรมอุทยานฯ เป็นเงิน 2 ล้านบาท

17 ตุลาคม 2566: นายเปรมชัยได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำทองผาภูมิ โดยไม่ต้องสวมกำไล EM เนื่องจากเหตุผลทางสุขภาพ แต่ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของเจ้าหน้าที่คุมประพฤติจนกว่าจะครบกำหนดโทษ

ผลกระทบต่อภาพลักษณ์และธุรกิจ   

คดีเสือดำสร้างแรงกระเพื่อมในสังคมอย่างรุนแรง ภาพลักษณ์ของนายเปรมชัยในฐานะนักธุรกิจทรงอิทธิพลถูกวิจารณ์อย่างหนัก บริษัทอิตาเลียนไทยซึ่งเขาเป็นผู้บริหารก็ได้รับผลกระทบด้านความน่าเชื่อถือ นักลงทุนและลูกค้าบางส่วนตั้งคำถามต่อจริยธรรมขององค์กร

องค์กรภาคประชาชนและนักอนุรักษ์ออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องความเป็นธรรมต่อสัตว์ป่า ขณะที่กระบวนการยุติธรรมต้องดำเนินไปอย่างโปร่งใสเพื่อฟื้นฟูศรัทธาของประชาชน

คดีใหม่ล่าสุด: อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม

เพียงไม่ถึงหนึ่งปีหลังได้รับการปล่อยตัว นายเปรมชัยก็ต้องเผชิญกับคดีใหม่ซึ่งร้ายแรงไม่แพ้กัน นั่นคือเหตุอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) พังถล่มจนมีผู้เสียชีวิต โดยเขาถูกกล่าวหาว่ามีส่วนรับผิดชอบในฐานะผู้มีวิชาชีพด้านวิศวกรรมหรือผู้ควบคุมงานก่อสร้างที่ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์อันพึงกระทำ เป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย

ศาลไม่ให้ประกันตัว: เหตุผลและความหมาย

เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2568 ศาลอาญามีคำสั่ง ไม่อนุญาตให้ประกันตัว นายเปรมชัย พร้อมผู้ต้องหาอื่นรวม 15 คน โดยพิจารณาจากปัจจัยสำคัญดังนี้ คดีมีความร้ายแรงและสร้างผลกระทบต่อสังคมในวงกว้าง มีเหตุอันควรเชื่อว่าผู้ต้องหาอาจหลบหนี คดีอยู่ระหว่างการสอบสวน โดยยังมีพยานอีกกว่า 15 ปากที่ต้องให้ปากคำ

หลังคำสั่งศาล เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปควบคุมยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ทันที ซึ่งกรณีนี้ชี้ให้เห็นว่าศาลเริ่มให้ความสำคัญกับผลกระทบต่อสังคมมากขึ้น แม้จำเลยจะเป็นบุคคลมีชื่อเสียงและฐานะร่ำรวย

บทเรียนจากสองคดีสะเทือนสังคมบทเรียนจากสองคดีสะเทือนสังคม

คดีเสือดำ และคดีตึกถล่ม ล้วนแล้วแต่เป็นเครื่องสะท้อนถึงความบกพร่องของระบบค่านิยมที่มักมองว่าผู้มีอำนาจจะสามารถหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบได้เสมอ อย่างไรก็ตาม สองคดีนี้ก็เป็นตัวอย่างว่า ระบบยุติธรรมไทยเองก็มีการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เลือกปฏิบัติ

การที่ศาลพิพากษาจำคุกนายเปรมชัยในคดีเสือดำ และปฏิเสธการประกันตัวในคดีตึกถล่ม เป็นการแสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญขององค์กรยุติธรรม ซึ่งสังคมไทยควรสนับสนุนและติดตามเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน

ขณะที่ อีกด้านหนึ่ง “เจ้าสัวเปรมชัย” จากนักธุรกิจผู้ทรงอิทธิพล กลับกลายเป็นบุคคลที่ต้องเผชิญกับวิบากกรรมจากการกระทำของตนเอง ทั้งคดีล่าสัตว์ป่า และคดีตึกถล่มที่มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก แม้นายเปรมชัยจะเคยครองตำแหน่งสำคัญในแวดวงธุรกิจ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้ากฎหมาย ทุกคนย่อมเท่าเทียมกัน

คดีของนายเปรมชียจึงไม่ใช่เพียงแค่ข่าว แต่เป็นบทเรียนสำหรับทั้งสังคมไทยในการยกระดับความยุติธรรม การตรวจสอบอำนาจ และการเรียกร้องให้ผู้มีอิทธิพลต้องรับผิดชอบเช่นเดียวกับประชาชนทั่วไป

 

                             

#เปรมชัยกรรณสูต #คดีเสือดำ#ตึกสตงถล่ม#เจ้าสัวเปรมชัย#ข่าวร้อน#คดีดัง#กระบวนการยุติธรรม#สิ่งแวดล้อม #เสือดำไม่ตายฟรี #ความยุติธรรมไทย #สตงถล่ม #คดีล่าเสือดำ #เปรมชัย