สสส. - GSEI สานพลังภาคีเครือข่าย เปิดตัวโครงการ “PES” จัดการสิ่งแวดล้อม นำร่อง 5 พื้นที่ต้นแบบ สร้างสุขภาวะที่ดีจากทรัพยากรธรรมชาติ
ปัจจุบันสถานการณ์ปัญหาอนามัยสิ่งแวดล้อมในประเทศไทยมีหลากหลายประเด็น จากผลสำรวจอนามัยโพล ตั้งแต่ 1 ต.ค. 2565 – 29 มิ.ย. 2566 พบว่าประเด็นด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมที่เป็นปัญหา คือ ภัยพิบัติ 51.8% มลพิษทางอากาศ 46% และการจัดการขยะไม่ดี 45.1% ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนทุกกลุ่มวัยและอาจนำมาซึ่งความสูญเสียทางเศรษฐกิจของประเทศ เหตุนี้เองจึงทำให้หลายภาคส่วนร่วมมือกันขับเคลื่อน “การจ่ายค่าตอบแทนการให้บริการของระบบนิเวศ”
นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวในงาน PES Forum 2025 ความร่วมมือเพื่อความยั่งยืนของระบบนิเวศที่ให้ประโยชน์แก่ทุกคน เพื่อผลักดันแนวทางใหม่ในการสร้างสุขภาวะที่ดีจากทรัพยากรธรรมชาติ ว่า กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มีเป้าหมายการทำงานในระยะ 10 ปี พ.ศ. 2564-2573 เพื่อจัดการกับปัญหามลพิษทางสิ่งแวดล้อมที่กระทบต่อสุขภาพคนไทย ไม่เพียงแค่รับมือกับภัยคุกคามด้านสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มขึ้น แต่รวมถึงการทำให้ชุมชนที่มีบทบาทสำคัญในการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ หรือได้รับผลประโยชน์ที่เหมาะสมตามมูลค่าของการให้บริการจากระบบนิเวศ จึงได้ร่วมมือกับสถาบันธรรมรัฐเพื่อการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม (GSEI) จัดโครงการ Payment for Ecosystem Services (PES) ขึ้น เพื่อให้ชุมชนที่มีบทบาทสำคัญในการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ หรือได้รับผลประโยชน์ที่เหมาะสมตามมูลค่าของการให้บริการจากระบบนิเวศ การจัดการสิ่งแวดล้อมผ่านการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน โดยเฉพาะการนำกลไกการจ่ายค่าตอบแทนบริการของระบบนิเวศ หรือ Payment for Ecosystem Services (PES) มาใช้ เป็นแนวทางที่จูงใจให้เกิดการดูแลและฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน โดย สสส. สนับสนุนให้มีการประเมินมูลค่าทางเศรษฐกิจของระบบนิเวศอย่างเป็นระบบ พร้อมผลักดันให้เกิดการลงทุนร่วมจากภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชน เพื่อนำไปสู่การสร้างรายได้ให้กับผู้ที่ดูแลสิ่งแวดล้อม
“อยากเห็นทุกคนบนผืนแผ่นดินไทยมีความสุข มีสุขภาวะที่ดี อายุยืนยาว ไม่พิการและเสียชีวิตด้วยโรคที่ป้องกันได้ก่อนวัยอันควร การจะดำเนินโครงการนี้ได้จำเป็นจะต้องอาศัยทุกภาคส่วน สิ่งหนึ่งที่เกี่ยวเนื่องกับพฤติกรรมของผู้คนและหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยก็คือ สิ่งแวดล้อม เพราะไม่ว่าอะไรก็ตามต่อให้ผู้คนมีเจตจำนงค์อยากจะมีชีวิตที่ดีปรับพฤติกรรมมากน้อยอย่างไร แต่หากสิ่งแวดล้อมไม่เอื้อต่อสุขภาวะก็จะเป็นเรื่องยาก ความยากของเรื่องนี้คือพฤติกรรมของบุคคล แต่พฤติกรรมหลาย ๆ อย่างที่สะสมเป็นค่านิยม เป็นวัฒนธรรม เป็นสิ่งที่ทำมาซ้ำ ๆ จึงเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ยาก แต่หากวันนี้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันเชื่อว่าสิ่งแวดล้อมเราจะดีขึ้นและยังเป็นแนวทางขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสุขภาวะที่ดีของประชาชนในระยะยาวด้วย” นพ.พงศ์เทพ กล่าว
ด้าน ดร.บัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ ผู้อำนวยการสถาบันธรรมรัฐเพื่อการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม (GSEI) กล่าวว่า กลไกการดำเนินงานของโครงการ PES คือ การให้ผู้ได้รับประโยชน์จากการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและระบบนิเวศ จ่ายค่าตอบแทนให้แก่ผู้ที่ทำหน้าที่อนุรักษ์ โดยกำหนดเงื่อนไขร่วมกัน ผู้ที่ดูแลทรัพยากรธรรมชาติจะได้รับค่าตอบแทนอย่างเหมาะสม โดยผลสำเร็จของโครงการ PES คือ การนำกลไกดังกล่าวไปประยุกต์ใช้ใน 5 พื้นที่ต้นแบบ ได้แก่ 1.บ้านแม่สาน้อย จังหวัดเชียงใหม่ 2.บ้านแม่ยางส้าน จังหวัดเชียงใหม่ 3.ป่าชุมชนบ้านมวกเหล็กในและบ้านคลองระบัง จังหวัดสระบุรี 4.บ้านทะเลนอก จังหวัดสงขลา 5.บ้านชายคลองปากประ จังหวัดพัทลุง ชุมชนเหล่านี้จะได้รับการสนับสนุนในการอนุรักษ์ระบบนิเวศ และมีส่วนร่วมในการแบ่งปันผลประโยชน์จากการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ โดยไม่กระทบต่อการรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อนำไปสู่การขยายผลอย่างต่อเนื่องในพื้นที่อื่น ๆ ต่อไป
ขณะที่ แม่หลวงหน่อแอริ ทุ่งเมืองทอง หญิงชาวปกาเกอญอ บ้านห้วยอีค่าง ตำบลแม่วิน อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ เล่าให้ฟังว่า ในชุมชนของเธอนั้นมีประชากรอยู่ราว 600 คน บนพื้นที่ 10,000 ไร่ บริหารจัดการโดยใช้ระบบภาษีชุมชนและมีการแบ่งพื้นที่รับผิดชอบเพื่อที่จะดูแลได้ง่ายขึ้น และเธอยังมีแนวคิดทำป่าชุมชนให้เป็น “ป่าผู้หญิง” เน้นปลูกพืชสมุนไพร สีย้อมธรรมชาติ และอาหารป่า เปิดห้องเรียนธรรมชาติ ให้คนในชุมชนได้เข้าถึงระบบเศรษฐกิจ แม่หลวงหน่อแอริ ยังหวังอีกว่า การถ่ายทอดสืบทอดองค์ความรู้ของบรรพชนนี้ จะทำให้คนในชุมชนและคนรุ่นใหม่อยู่ร่วมกับป่าได้ ภาคภูมิใจ และเข้าไปใช้ประโยชน์จากป่าชุมชนให้เกิดประโยชน์สูงสุด
การดูแลอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติจะดำเนินไปด้วยใครคนใดคนหนึ่งไม่ได้ หากแต่ภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชน ต้องหันมาจับมือกันสร้างการรับรู้และการร่วมมีส่วนร่วมให้ทุกคนตระหนักและเล็งเห็นถึงความสำคัญของทรัพยากรธรรมชาติ ร่วมกันรักษาดูแลให้สมดุลและอุดมสมบูรณ์อย่างยั่งยืน ซึ่งความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาตินี้จะทำให้มนุษย์เราสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้และช่วยทำให้เรามีสุขภาวะที่ดีได้นั่นเอง