วันที่ 14 พ.ค.2568  ศาลรัฐธรรมนูญได้มีการพิจารณาคำร้องที่ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องของสมาชิกวุฒิสภาที่ขอให้วินิจฉัย  ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม   ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายภูมิธรรม  เวชยชัย  รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม  ผู้ถูกร้องที่ 1 และพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ผู้ถูกร้องที่ 2 สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4)   ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่

จากกรณีผู้ถูกร้องทั้งสอง มีมติให้การกระทำความผิดทางอาญาอื่นเป็นคดีพิเศษ ตาม  พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547   และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 21  วรรคหนึ่ง (2)   เป็นการแทรกแซงหรือครอบงำหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง   โดยใช้กรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นเครื่องมือแทรกแซงกระบวนการ   ตรวจสอบการเลือกสมาชิกวุฒิสภา อันเป็นการกลั่นแกล้ง กดดัน ข่มขู่ และครอบงำสมาชิกวุฒิสภา   ซึ่งเป็น ฝ่ายนิติบัญญัติ   ขัดต่อหลักการแบ่งแยกอำนาจและฝ่าฝืนหลักนิติธรรม จึงถือได้ว่าผู้ถูกร้องทั้งสองไม่มี  ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์และมีพฤติกรรมเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง  ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) และ (5)   เป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องทั้งสองสิ้นสุดลง เฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4)   ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ 

ซึ่งต่อมาผู้ร้องยื่นคำร้องเพิ่มเติมและเอกสารประกอบ  ฉบับลงวันที่ 7 พ.ค.68 วันที่ 13พ.ค.68   และวันที่ 14 พ.ค.68 ศาลมีรัฐธรรมนูญพิจารณาโดยอภิปรายแล้วเห็นว่า   เพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณาให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำความเห็นและจัดส่งสำเนาเอกสารหลักฐานตามประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนด  ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน   นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ เพื่อประกอบการพิจารณาวินิจฉัย ของศาลรัฐธรรมนูญต่อไป

สำหรับกรณีปรากฏข้อเท็จจริงตามคำร้องเพิ่มเติมของผู้ร้อง   ฉบับลงวันที่ 14 พ.ค.68 พร้อมเอกสารประกอบ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องทั้งสองหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยถึงที่สุด  ศาลมีมติเป็นเอกฉันท์   เห็นว่า นายภูมิธรรม ผู้ถูกร้องที่ 1 ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม   ยังไม่ปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่ามีกรณีตามที่ถูกร้องที่จะสั่งให้ผู้ถูกร้องที่ 1 หยุดปฏิบัติหน้าที่

ส่วน พ.ต.อ.ทวี ผู้ถูกร้องที่ 2 ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม  มีหน้าที่และอำนาจ   ในการสั่งและปฏิบัติราชการในฐานะผู้บังคับบัญชาข้าราชการกระทรวงยุติธรรม   อันรวมไปถึงกรมสอบสวน คดีพิเศษ   ตามคำร้องเพิ่มเติมและเอกสารประกอบ    ปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่า พ.ต.อ.ทวี ผู้ถูกร้องที่  2   มีกรณีตามที่ถูกร้อง    จึงสั่งให้ พ.ต.อ.ทวี   ผู้ถูกร้องที่ 2  หยุดปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม    เฉพาะในฐานะผู้กำกับดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษ   และรองประธานกรรมการคดีพิเศษตาม  พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสอง ตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค.จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญ จะมีคำวินิจฉัย