ยกให้เป็นรัฐที่ร่ำรวยที่สุด ถึงขนาดแซงหน้าประเทศที่เคยได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในมหาอำนาจเศรษฐกิจโลกไปอย่างสุดเหลือเชื่อ

สำหรับ “แคลิฟอร์เนีย” รัฐลำดับที่ 31 ของ “สหรัฐอเมริกา” ซึ่งตั้งอยู่ทางฟากฝั่งตะวันตกของประเทศ

เมื่อปรากฏว่า ทาง “กองทุนการเงินระหว่างประเทศ” หรือ “ไอเอ็มเอฟ” พร้อมด้วย “สำนักวิเคราะห์เศรษฐกิจ” หรือ “บีอีเอ” หน่วยงานในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ออกมาเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวม หรือจีดีพี แบบเป็นตัวเลขสินทรัพย์ของรัฐแคลิฟอร์เนีย ประจำปี 2024 (พ.ศ. 2567) แล้วพบว่า มีจำนวนมากทะยานขึ้นไปถึง 4.10 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เปรียบเทียบแล้วก็มากกว่าจีดีพีของประเทศญี่ปุ่น ที่มีจำนวน 4.02 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

เรียกว่า ญี่ปุ่นถูกรัฐแคลิฟอร์เนีย แซงปาดหน้าไปอย่างหน้าตาเฉย

ทั้งนี้ เมื่อกล่าวถึงญี่ปุ่น ก็เคยถูกยกย่องให้เป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก คือ มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกมาแล้ว เมื่อช่วงต้นของคริสต์ทศวรรษ 2000 โดยเป็นรองเพียงประเทศสหรัฐฯ เท่านั้น หากว่ากันตามตัวเลขของจีดีพีดังกล่าว

ก่อนที่ในยุคต่อๆ มา ญี่ปุ่น ถูกประเทศระดับมหาอำนวจชาติอื่นๆ แซงหน้าไป ไม่ว่าจะเป็นจีน และเยอรมนี

จนทำให้ญี่ปุ่น อันดับหล่นลงมาอยู่อันดับ 4 ของโลกหลายปีพอสมควร

กระทั่ง ล่าสุด 2024 (พ.ศ. 2567) ญี่ปุ่น ก็ถูกเบียดแซงหน้าไปอีกครั้ง แต่คราวนี้ มิใช่เป็นระดับประเทเฉกเช่นเหมือนเก่าก่อน แต่เป็นดินแดนระดับรัฐ นั่นคือ รัฐแคลิฟอร์เนีย ของประเทศสหรัฐฯ ตามที่กล่าวแล้วข้างต้น ที่ก้าวทะยานขึ้นมาเป็นอันดับที่ 4 แทนที่

เมื่อรัฐแคลิฟอร์เนีย แซงหน้าประเทศญี่ปุ่นไปได้สำเร็จ ก็เป็นรองเพียงประเทศเยอรมนี ที่ยังอยู่อันดับ 3 ประเทศจีน อันดับ 2 และประเทศสหรัฐฯ ซึ่งเป็นประเทศแม่ของตนเองเท่านั้น

ตามการเปิดเผยของไอเอ็มเอฟ และบีอีเอ รายงานว่า จีดีพีของรัฐแคลิฟอร์เนีย อยู่ที่ 4.10 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อยู่อันดับที่ 4 ของโลก ตามหลังเยอรมนี อันดับ 3 ที่จำนวน 4.65 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จีน อันดับ 2 จำนวน 18.74 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และสหรัฐฯ ที่รั้งอันดับหมายเลขหนึ่งของโลก ที่ 29.18 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

พร้อมกันนี้ ทาง “ไอเอ็มเอฟ” พร้อมด้วย “บีอีเอ” ยังได้เปรียบเทียบขนาดจีดีพีในแบบร้อยละ หรือเปอร์เซ็นต์ ของอัตราการขยายตัวเติบโตทางเศรษฐกิจของรัฐแคลิฟอร์เนีย กับอีก 3 ประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจโลกอย่างสหรัฐฯ ประเทศแม่ของตนเองแล้ว และจีน รวมถึงเยอรมนี แล้ว ก็ระบุว่า รัฐแคลิฟอร์เนีย มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ในช่วงรอบปี 2024 ที่ผ่านมา ที่ร้อยละ 6 ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากกว่าสหรัฐฯ ประเทศแม่ที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ร้อยละ 5.3 ซึ่งทางไอเอ็มเอฟ และบีอีเอ ยังรายงานด้วยว่า การขยายตัวเติบโตทางเศรษฐกิจของรัฐแคลิฟอร์เนีย คิดเป็นร้อยละ 16 เมื่อเปรียบเทียบกับรัฐอื่นๆ ในสหรัฐฯ เลยทีเดียว

ส่วนอัตราการการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน และเยอรมนี ปรากฏว่า ที่ประเทศจีน อัตราการขยายตัวทางเศรษกิจที่ร้อยละ 2.6 และเยอรมนี อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ร้อยละ 2.9 ก็ยังถือว่า ขยายตัวเติบโตน้อยกว่ารัฐแคลิฟอร์เนีย

เหตุปัจจัยอะไรที่ทำให้รัฐแคลิฟอร์เนีย มีจีดีพี และอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูงยิ่งเช่นนั้น หรือจะพูดง่ายๆ อย่างบ้านๆ หรือชาวบ้านอีกอย่างหนึ่งก็คือ รัฐแคลิฟอร์เนีย เขาทำมาหากินอะไรนั้นหล่ะหรือ ถึงได้ร่ำรวยอู้ฟู่เช่นนั้น ซึ่งเมื่อกล่าวย้อนไปในประวัติศาสตร์ของรัฐแคลิฟอร์เนียแห่งนี้ ก็เริ่มรุ่มรวยมาตั้งแต่ยุค “ตื่นทอง” แล้ว ซึ่งเริ่มก่อนที่ดินแดนแคลิฟอร์เนีย มาเป็นรัฐๆ หนึ่ง หรือรัฐที่ 31 ของสหรัฐฯ ด้วยซ้ำ คือ ตั้งแต่ช่วงกลางของคริสต์ศตวรรษที่ 19 คือราวๆ ปี 1848 (พ.ศ. 2391) จนกล่าวกันว่า รัฐแคลิฟอร์เนีย เป็น “ดินแดนแห่งทองคำ (Golden State)”

โดยท่านผู้ทำหน้าที่เปรียบเสมือนพ่อเมือง คือ ผู้ว่าการรัฐ อย่าง “นายเกวิน นิวซัม” ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียคนปัจจุบัน กล่าวว่า “นวัตกรรม” ถือเป็นหัวใจสำคัญ หรือหัวจักร ระดับเบอร์ต้นๆ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐแคลิฟอร์เนีย ให้ทะยานขึ้นไปสู่จุดดังกล่าว

ทั้งนี้ นวัตกรรมที่กล่าวกันว่า เป็นหัวจักร หัวใจ สำคัญในการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจของรัฐแคลิฟอร์เนีย ก็คือ นวัตกรรมทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เทคโนโลยีชั้นสูง อันล้ำสมัย นั่นเอง จากการที่รัฐแคลิฟอร์เนีย มี “ซิลิคอนแวลลีย์” ซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคนอร์เทิร์นแคลิฟอร์เนีย บริเวณตอนใต้สุดของเขตอ่าวซานฟรานซิสโก

ภาพมุมสูงแสดงพื้นที่ส่วนหนึ่งของซิลิคอนแวลลีย์ ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของเหล่าบรรดาบริษัทและสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีชั้นสูงและนวัตกรรมต่างๆ ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐฯ (Photo : AFP)

พื้นที่ “ซิลิคอนแวลลีย์” แห่งนี้ ก็ถูกยกย่องให้เป็น “ศูนย์กลางเทคโนโลยีชั้นสูงและนวัตกรรมของโลก” จากการที่มีบริษัทต่างๆ ด้านไอที เอไอ ชิป เทคโนโลยีชั้นสูงที่ว่า ตั้งอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นไอบีเอ็ม ที่สำนักงานใหญ่ ก็ตั้งอยู่ที่นี่ ไมโครซอฟท์ แอปเปิล เมตา กูเกิล เป็นต้น

กูเกิล ยักษ์ใหญ่ด้านเสิร์ชเอนจิน ก็เป็นหนึ่งในบริษัทที่อยู่ในซิลิคอนแวลลีย์ (Photo : AFP)

นอกจากเป็นศูนย์กลางโลกแห่งเทคโนโลยีชั้นสูงและนวัตกรรมแล้ว รัฐแคลิฟอร์เนีย ก็ยังเป็นหนึ่งในที่ตั้งบริษัทชั้นอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านพลังงาน อย่าง เชฟรอน เป็นอาทิ

ใช่แต่เท่านั้น ในด้านการเกษตร และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับทางการเกษตร หรือที่เรียกว่า อุตสาหกรรมเกษตร ก็สร้างรายได้อย่างมหาศาลให้แก่รัฐแคลิฟอร์เนียแห่งนี้ด้วยเช่นกัน เช่น การทำไร่องุ่นในกิจการไวน์ เป็นต้น

กล่าวกันว่า ผลผลิตทางการเกษตรต่างๆ ที่รัฐแคลิฟอร์เนียแห่งนี้ มีปริมาณสูงยิ่งกว่ารัฐใดๆ ในสหรัฐฯ

การเกษตรในรัฐแคลิฟอร์เนีย (Photo : AFP)

นอกจากนี้ รัฐแคลิฟอร์เนีย ยังมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจเกี่ยวกับการขนส่ง ท่าเรือที่ใหญ่อันดับสองของประเทศ การบริการ ตลอดจนการท่องเที่ยว รวมไปถึงธุรกิจด้านการบันเทิงอันเลื่องชื่อโด่งดังระดับโลก นั่นคือ ภาพยนตร์ของฮอลลีวูด ซึ่งกิจการด้านบันเทิงแถวหน้าของโลกเช่นนี้ ก็ทำให้แคลิฟอร์เนีย กลายเป็นที่พำนักอาศัยของเหล่าเซเลบคนดังกันอีกต่างหากด้วย

ด้วยความอู้ฟู่ที่บังเกิดกับรัฐแคลิฟอร์เนียจากเหตุปัจจัยต่างๆ เหล่านั้น ก็ถึงทำให้พ่อเมืองอย่าง ผู้ว่าการรัฐฯ นิวซัม กล่าวด้วยความดีใจว่า “แคลิฟอร์เนีย ไม่ได้แค่ก้าวเดินไปตามโลกเท่านั้น แต่แคลิฟอร์เนีย กำลังเป็นผู้กำหนดจังหวะการก้าวเดินของโลกเลยทีเดียว

อุตสาหกรรมพลังงานน้ำมันในรัฐแคลิฟอร์เนีย (Photo : AFP)

และด้วยผลงานการบริหารรัฐจนขยายตัวเติบโตเช่นนี้ ในปี 2028 (พ.ศ. 2571) หรืออีก 3 ปีข้างหน้า ก็อาจจะได้เห็นผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียรายนี้ในฐานะผู้สมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในนามพรรคเดโมแครตก็เป็นได้