กรอบบาทสัปดาห์หน้า 33.00-34.00/หุ้นไทยผันผวน รอดูผล กนง.-สงครามการค้า-ราคาทอง

วันที่ 26 เมษายน 2568 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย​สรุปความเคลื่อนไหวค่าเงินบาทรอบสัปดาห์ว่า เงินบาททยอยอ่อนค่ากลับมาช่วงกลาง-ปลายสัปดาห์ตามแรงขายทำกำไรทองคำในตลาดโลก ทั้งนี้เงินบาทแข็งค่าขึ้นตามการพุ่งขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลก แรงซื้อสุทธิพันธบัตรไทยของต่างชาติ และการแข็งค่าของสกุลเงินเอเชียอื่นๆ สวนทางเงินดอลลาร์ฯ ที่เผชิญแรงกดดันต่อเนื่องจากความกังวลต่อผลกระทบของ Tariffs ต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ และประเด็นความขัดแย้งระหว่างปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ กับประธานเฟด โดยเงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 6 เดือนครั้งใหม่ที่ 33.05 บาทต่อดอลลาร์ฯ อย่างไรก็ดี เงินบาททยอยอ่อนค่ากลับมาท่ามกลางแรงซื้อคืนเงินดอลลาร์ฯ หลังมีสัญญาณผ่อนคลายลงทั้งในประเด็นเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน และแรงกดดันต่อเฟด นอกจากนี้ เงินบาทยังมีปัจจัยลบเพิ่มเติมจากสถานะขายสุทธิทั้งหุ้นและพันธบัตรไทยช่วงปลายสัปดาห์ของต่างชาติ และการปรับตัวลงของราคาทองคำในตลาดโลกตามแรงขายทำกำไร หลังราคาทำสถิติสูงเป็นประวัติการณ์เหนือแนว 3,500 ดอลลาร์ฯ ต่อออนซ์ในช่วงที่ผ่านมา

สัปดาห์ระหว่างวันที่ 28 เม.ย. – 2 พ.ค. 2568 KBank คาดกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 33.00-34.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุมกนง. และ BOJ รายงานเศรษฐกิจและการเงินเดือนมี.ค. ของไทย สถานการณ์ของสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ราคาทองคำในตลาดโลก สัญญาณฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ดัชนีราคา PCE/Core PCE เดือนมี.ค. และข้อมูลตลาดแรงงานเดือนเม.ย. ของสหรัฐฯ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/2568 (adv.) ของสหรัฐฯ และยูโรโซน ดัชนี PMI เดือนเม.ย. ของสหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น อังกฤษ และยูโรโซน รวมถึงอัตราเงินเฟ้อเดือนเม.ย. ของยูโรโซน

ขณะที่สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวผันผวนแต่พลิกกลับมาปิดบวกได้เป็นสัปดาห์ที่สาม ทั้งนี้ดัชนีหุ้นไทยร่วงลงแรงช่วงต้นสัปดาห์ท่ามกลางความกังวลต่อสถานการณ์สงครามการค้า หลังจากมีรายงานข่าวว่าสหรัฐฯ จะกดดันให้ประเทศอื่นๆ โดดเดี่ยวจีน ซึ่งจีนก็พร้อมตอบโต้ประเทศที่ให้ความร่วมมือกับสหรัฐฯ ประกอบกับมีการเลื่อนการเจรจาการค้าระหว่างไทย-สหรัฐฯ ออกไปอย่างไม่มีกำหนด ส่งผลให้เกิดแรงเทขายทำกำไรในหุ้นทุกกลุ่มอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกลุ่มแบงก์ที่ประกาศผลประกอบการเสร็จสิ้นไปแล้ว ดัชนีหุ้นไทยดีดตัวขึ้นในเวลาต่อมาจนถึงช่วงกลางสัปดาห์ โดยมีแรงหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานและเทคโนโลยี ประกอบกับนักลงทุนมีความคาดหวังต่อการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้าหลักอย่างญี่ปุ่นและอินเดีย นอกจากนี้ยังมีรายงานข่าวว่าสหรัฐฯ ลดท่าทีที่แข็งกร้าวต่อจีนลง โดยอาจจะไม่เรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในอัตราที่สูงมาก อย่างไรก็ดีท่าทีที่แข็งกร้าวของจีนต่อสหรัฐฯ และแรงขายทำกำไรหุ้นกลุ่มพลังงานส่งผลให้ดัชนีหุ้นไทยย่อตัวลงช่วงสั้นๆ ก่อนจะดีดตัวขึ้นอีกครั้งในช่วงท้ายสัปดาห์ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค โดยมีแรงหนุนหลักๆ จากหุ้นผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่แห่งหนึ่งตามทิศทางหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ

สัปดาห์ที่ 28 เม.ย. – 2 พ.ค. 2568 KSecurities คาดแนวรับที่ 1,140 และ 1,125 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,175 และ 1,190 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุมกนง. และ BOJ ผลประกอบการไตรมาส 1/2568 ของบจ.ไทย ประเด็นความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้า ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ดัชนี PCE/Core PCE Price Index เดือนมี.ค. และข้อมูลตลาดแรงงานเดือนเม.ย. ของสหรัฐฯ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/2568 ของสหรัฐฯ และยูโรโซน ดัชนี PMI เดือนเม.ย. ของสหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น อังกฤษและยูโรโซน และตัวเลขเงินเฟ้อเดือนเม.ย. ของยูโรโซน

#ศูนย์วิจัยกสิกรไทย #เงินบาท #ราคาทองรูปพรรณ #ข่าววันนี้ #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์ #หุ้นไทย