วันที่ 22 เม.ย. 68 ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงความคืบหน้าคดีอาคาร สตง. ถล่มว่า ในชั้นคำให้การของบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด มีเจตนาช่วยเหลือผู้เสียชีวิต ผู้สูญหาย ผู้บาดเจ็บ และผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยตามขั้นตอนของกฎหมาย การช่วยเหลือจะทำร่วมกับบริษัทร่วมค้าไทยก็ได้ เพื่อไม่ให้เป็นภาระกับรัฐบาล แต่ถ้าต้องการให้รัฐบาลเข้าไปดูแลจะต้องปรึกษาระเบียบกับสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งส่วนนี้ไม่เกี่ยวข้องกับคดีอาญา ส่วนตัวไม่ได้รับประสานจากจีนโดยตรง แต่พนักงานสอบสวนบอกว่า บริษัทจีนขอบันทึกในคำให้การ

ส่วนกรณีที่นายชวนหลิง จาง กรรมการผู้ถือหุ้น 49 % ของบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐวิสาหกิจที่รัฐบาลจีนส่งมาลงทุนในไทย ก็ไม่เกี่ยวกับกฎหมายไทย เพราะกรณีการถือหุ้นแทนตาม พ.ร.บ. ประกอบธุรกิจคนต่างด้าว ถือว่าได้ผู้กระทำผิดที่กล่าวหาไว้ครบแล้วคือ คนไทย 3 คนและคนจีนอีก 1 คน คดีนี้เนื่องจากอัตราโทษไม่สูง เราจะต้องเร่งสอบสวนให้เสร็จภายในสี่ฝาก แต่ในทางปฏิบัติคือต้องเสร็จภายในสามฝาก หรือให้เสร็จสิ้นภายใน 36 วัน เพื่อให้เวลาอัยการได้พิจารณาหนึ่งฝาก

เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องตึกถล่ม เนื่องจากตำรวจและกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ทำคดีแยกกัน DSI ทำเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างและฮั้วประมูล นอกจากนี้ยังมีกรณีที่บริษัทเหล็กใช้ใบกำกับภาษีปลอม ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อปี 59-60 จึงต้องตรวจสอบว่าหลังจากนั้นมีการซื้อเหล็กจากบริษัทดังกล่าวหรือไม่ เรื่องนี้ศาลฎีกาได้มีคำตัดสินเป็นแนวทางไว้แล้ว จึงกำชับให้พนักงานสอบสวนดำเนินการให้รอบคอบ

เมื่อถามว่าการที่อ้างรัฐบาลจีนไม่ได้สร้างความกดดันให้กับทางการไทยใช่หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่าเรากับจีนมีความผูกพัน ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลจีนหรือคนไทยต้องอำนวยความยุติธรรมตามหลักกฎหมาย เชื่อว่ารัฐบาลจีนพูดเสมอว่าเขาเคารพกฎหมายไทย ยืนยันว่าจีนไม่สามารถเข้ามาแทรกแซงได้ กระทรวงยุติธรรมเป็นกระทรวงเดียวที่ไม่มีอำนาจไปตามนโยบาย ทำได้ตามกรอบกฎหมายเท่านั้น

อย่างไรก็ตามกรณีที่จีนจะเอาเงินมาช่วยเยียวยาไม่ได้มีผลต่อการลดความผิด เนื่องจากในชั้นพนักงานสอบสวน ไทยก็ไม่ได้ให้ประกันตัว เราทำอย่างตรงไปตรงมา หากจีนกดดันจริงก็ต้องให้ประกันในชั้นสอบสวน ส่วนกรณีที่จีนรับผิดชอบผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต เป็นเรื่องที่น่ายกย่องและชื่นชม รัฐบาลจีนคงไม่ปกป้องบริษัท แต่ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับเรื่องที่เกิดขึ้น เนื่องจากเสียภาพลักษณ์ ทราบว่าจีนส่งผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบคนของเขาว่าทำถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ทำถูกทำไมถึงถล่ม จึงให้ DSI เร่งรัดตรวจสอบประเด็นนี้ด้วย

อย่างน้อยที่สุดบริษัทจีนและบริษัทไทยจะต้องร่วมกันตรวจสอบ เพราะเข้ามาในรูปแบบของกิจการร่วมค้าจะต้องดูว่าบริษัทจีนมีสำนักงานอยู่ที่ไทยหรือไม่ รวมถึงจะต้องดูเรื่องสัญญาด้วย ทราบจากพนักงานสอบสวนว่า สตง. ได้ส่งแบบมาครบทุกแบบแล้ว DSI จึงเชิญผู้เชี่ยวชาญที่แตกต่างจากรัฐบาล เข้ามาให้ข้อมูล

สำหรับ 3 คนไทยตามหลักกฎหมายถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่พนักงานสอบสวนก่อนจะออกหมายจับได้ตรวจสอบเกือบทุกประเด็นแล้ว หุ้นเป็นของเขาจริง แต่ต้องดูที่มาของเงินที่จะไปซื้อหุ้น พบว่ามีการโอนหุ้นจากเพื่อนมาด้วยเป็นเงินรวมกว่า 10 ล้านบาท โดย DSI จะตรวจสอบทั้งเรื่องภาษี การเงิน และบัญชี