ทบ.โชว์ศักยภาพรถเกราะ Stryker ยุค บิ๊กแดง พระเอก CALFEX ยิงสนั่น เคลื่อนที่รวดเร็ว ก่อนเสนอซิ้อเพิ่มอีก 1 กรมจากสหรัฐฯ ดูฝึกและตรวจสอบหน่วยกรมทหารราบเฉพาะกิจ พล.ร.11 ด้วยกระสุนจริง CALFEX ไม่ปฏิเสธซ้อมรบส่งสัญญาณถึงชายแดนหรือไม่บอกแล้วแล้วแต่จะคิดลั่นกองทัพต้องพร้อมรบ
วันที่ 21 เมษายน 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และพลเอกไตรศักดิ์ อินทรรัสมี เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และพลเอกสนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวง กลาโหมพร้อมคณะ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมการฝึกและตรวจสอบการปฏิบัติของกรมทหารราบเฉพาะกิจ กองพลทหารราบที่ 11 ประจำปีงบประมาณ 2568 ที่สนามฝึกทางยุทธวิธี ศูนย์การทหารปืนใหญ่ อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี โดยมีพลเอกพนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ต้อนรับ
โดยการฝึกในครั้งนี้มุ่งเน้นการเสริมสร้างและตรวจสอบขีดความสามารถในการรบ ทั้งในด้านบุคลากร ยุทโธปกรณ์ หลักนิยม การบูรณาการกำลังแบบผสมเหล่า และแผนปฏิบัติการ โดยดำเนินการภายใต้สถานการณ์สมมุติภัยคุกคามตามแบบ (Conventional Warfare) เพื่อให้หน่วยมีความพร้อมสูงสุดในการตอบสนองต่อภัยคุกคามอย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับนโยบายของกองทัพบก กระทรวงกลาโหม และรัฐบาล
นายภูมิธรรม กล่าวว่า การฝึกในวันนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของกองทัพบกไทย ในการเสริมสร้างความพร้อมรบของหน่วยรบเฉพาะกิจ ที่สามารถตอบสนองต่อภัยคุกคามสมัยใหม่ได้ทันท่วงที เราไม่ได้มองเพียงแค่การเตรียมกำลังเพื่อการรบเท่านั้น แต่เรากำลังสร้างกองทัพที่มีความยืดหยุ่น คล่องตัว และทันสมัย พร้อมปกป้องประเทศและดูแลประชาชนในทุกสถานการณ์ จุดเด่นของการฝึกครั้งนี้คือการบูรณาการกำลังรบจากหลายเหล่าเข้าด้วยกัน ซึ่งเป็นการจำลองสภาพการรบจริงที่ต้องใช้ทั้งทหารราบ ยานเกราะ ปืนใหญ่ และหน่วยสนับสนุน ทำงานประสานกันในเวลาจริง
โดย STRYKER ไม่ใช่แค่ยุทโธปกรณ์ใหม่ แต่เป็นแพลตฟอร์มที่ยกระดับการเคลื่อนที่ การบัญชาการ และการป้องกันในสนามรบ จากการเคลื่อนที่ด้วยเท้า ไปสู่การรบแบบเคลื่อนที่เร็ว มีเกราะป้องกัน และระบบบัญชาการในตัวเดียว ซึ่งตอบโจทย์กองทัพยุคใหม่ที่ต้องพร้อมรบในทุกภูมิประเทศ และพร้อมร่วมปฏิบัติการข้ามเหล่าทัพและนานาชาติ ภัยคุกคามในปัจจุบันไม่ใช่แค่การรบแบบเดิม แต่ครอบคลุมถึงการโจมตีแบบไฮบริด การป่วนเสถียรภาพ และภัยพิบัติธรรมชาติ หน่วยรบผสมคือคำตอบของกองทัพบกในยุคที่ต้อง “พร้อมรบทุกมิติ” เรากำลังสร้างกองทัพที่มีทั้งเทคโนโลยี วินัย และความสามารถในการทำงานร่วมกัน ซึ่งจะเป็นต้นแบบให้หน่วยอื่นๆในอนาคต เพราะในยุคนี้ ไม่ใช่แค่ใครยิงแม่นกว่า แต่ใคร ‘พร้อมกว่า’ และ ‘ประสานงานได้ดีกว่า’ ต่างหากที่ชนะ
ทั้งนี้ พล.ร.11 ฝึกใหญ่ “กรม ร.ผสม” เตรียมความพร้อมรบเต็มรูปแบบ ขณะที่รองนายกฯ ภูมิธรรม ชื่นชมกำลังพล มีศักยภาพรองรับการรบรูปแบบใหม่ ยันไม่ปิดกั้น หากจะขอยุทโธปกรณ์เพิ่ม แต่ต้องพิจารณาตามความเหมาะสม และความสมดุลยกับกำลังพล โดยพล.ร.11 เป็นกองพลทหารราบยานเกราะที่มีการเสริมสร้างหน่วยมาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้มีความพร้อมในการป้องกันประเทศและปฏิบัติภารกิจอื่นๆของกองทัพบก ได้อย่างเต็มขีดความสามารถ และยังเป็นหน่วยต้นแบบในการใช้กำลังเข้าทำการรบและปฏิบัติภารกิจในรูปแบบของกรม ร.ผสม (Brigade Combat Team) ในการรองรับภัยคุกคามรูปแบบใหม่
นายภูมิธรรม ระบุว่า เป็นการฝึกผสมในรอบ 5 ปี มีการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี การฝึกร่วมกันถือว่าเป็นการฝึกเพื่อเตรียมความพร้อม ป้องกันราชอาณาจักร ถือเป็นการฝึกที่มีคุณภาพมากขึ้น เป็นการก้าวเข้าสู่กองทัพที่ทันสมัย เพิ่มประสิทธิภาพในการรบได้มากยิ่งขึ้น แต่ก็ยอมรับว่ายังมียุทโธปกรณ์ หลายส่วนที่ยังขาดแคลน ประชาชนอาจจะไม่รู้ว่าไม่มีสงครามทำไมต้องมีการเพิ่มกำลังรบ หรือยุทโธปกรณ์ ทั้งหมดก็เพื่อการเตรียมความพร้อมความในการเตรียมรับมือกับภัยคุกคาม ซึ่งจากที่ดูการซ้อมวันนี้ ก็ค่อนข้างมั่นใจในศักยภาพของกองทัพ
โดยหากมีการลดกำลังพลและเพิ่มประสิทธิภาพยุทโธปกรณ์ก็เป็นเรื่องที่ดี ทำให้คนความร้อนมากขึ้น การรบสมัยใหม่ ไม่ใช่การเดินราบและยิงเพียงอย่างเดียว ยังมีการนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ ในการรบอีกหลายวิธี ดังนั้นการซ้อมครั้งนี้ต้องชื่นชม ว่าหน่วยมีความพร้อม วันนี้ ได้เห็นหลายอย่างนอกจากการรบแล้ว ยังได้เห็นการคุ้มครอง และการรักษาพยาบาล ส่งผู้ได้รับบาดเจ็บขึ้นเฮลิคอปเตอร์อย่างปลอดภัย
ส่วนการขอจัดซื้อรถเกราะ Stryker เพิ่ม นายภูมิธรรม ระบุว่าในเชิงนโยบาย พร้อมสนับสนุน แต่ก็ต้องพิจารณาขีดความสามารถในการปฎิบัติหน้าที่ว่ามีมีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหน ต้องอยู่ในแผนที่พอดีและสมดุลยกันกับกำลังพล ยืนยันสนับสนุนการให้ยุทโธปกรณ์ที่จำเป็น ที่เหมาะสมกับการปฎิบัติหน้าที่จะให้คะแนน การซ้อมรบในวันนี้มากน้อยแค่ไหน นายภูมิธรรม. ย้ำว่าให้เกินครึ่ง อย่างแน่นอน พร้อมขอชื่นชมและให้กำลังใจกำลังพลของกองทัพ ในการปฎิบัติหน้าที่ต่อไป
เมื่อถามว่าการฝึกครั้งนี้ นี่เป็นการศึกษาวงรอบ หรือต้องการการส่งสัญญาณไปถึงประเทศเพื่อนบ้านชายแดนด้านใดหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า เรื่องนี้ก็แล้วแต่เขาจะมอง แต่กองทัพเราต้องมีความพร้อมรบ