กองทัพบกสรุปผลตรวจเลือกทหารปี 68 ยอดสมัครใจเข้ารับราชการสูงกว่า 57% สะท้อนความตระหนักในหน้าที่ชายไทย
กองทัพบกเผยผลการดำเนินการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการเป็นทหารกองประจำการ ประจำปี 2568 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1–12 เมษายน 2568 (เว้นวันที่ 6 เมษายน) ทั่วประเทศ โดยภาพรวมเป็นไปอย่างเรียบร้อย ได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะจากทหารกองเกินที่มาปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายในฐานะชายไทยด้วยความพร้อมเพรียงและมีวินัย
การตรวจเลือกในปีนี้เป็นไปตามนโยบายของ พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ที่เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ทุกระดับปฏิบัติงานด้วยความโปร่งใส ยุติธรรม และสามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน โดยได้สั่งการให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับลงพื้นที่กำกับดูแลอย่างใกล้ชิด พร้อมจัดตั้งกองอำนวยการประสานงานในแต่ละพื้นที่ เพื่อให้คำแนะนำและสนับสนุนการดำเนินงานอย่างเต็มที่
กองทัพบกยังได้จัดบริการพิเศษ "FAST LANE" เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับทหารกองเกินที่มีความจำเป็น อาทิ ผู้มีอาการเจ็บป่วย ผู้ถือบัตรประจำตัวผู้พิการ ผู้สมัครใจเข้ารับราชการ หรือผู้ยื่นคำขอผ่อนผัน โดยบริการดังกล่าวครอบคลุมทุกขั้นตอนของกระบวนการตรวจเลือก นอกจากนี้ ยังมีการจัดตั้งจุดประชาสัมพันธ์ในพื้นที่ตรวจเลือก เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ของทหารกองประจำการอย่างครบถ้วนและถูกต้อง
ยอดสมัครใจเกินครึ่ง สะท้อนความสนใจสู่อาชีพทหาร
สำหรับสถิติการตรวจเลือกทหารกองเกินปี 2568 มีชายไทยเข้ารับการตรวจเลือกทั่วประเทศจำนวน 429,175 คน โดยกองทัพบกมีความต้องการกำลังพลจำนวน 68,166 นาย ผลการสมัครใจเข้ารับราชการมีดังนี้:
สมัครใจในสถานที่ตรวจเลือกจำนวน 19,981 นาย
ทหารกองประจำการที่เลื่อนการปลดประจำการจำนวน 5,207 นาย
ผู้สมัครผ่านระบบออนไลน์จำนวน 14,201 นาย
รวมผู้สมัครใจเข้ารับราชการเป็นทหารกองประจำการทั้งสิ้น 39,389 นาย คิดเป็น ร้อยละ 57.78 ของความต้องการกำลังพลทั้งหมด
ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนถึงความตระหนักในบทบาทหน้าที่ของชายไทย การมีส่วนร่วมในการปกป้องประเทศชาติ รวมถึงความสนใจในการพัฒนาตนเองสู่อาชีพทหารในอนาคต
กองทัพบกขอบคุณชายไทยทุกคนที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสมัครใจ
กองทัพบกขอขอบคุณทหารกองเกินทุกคนที่เข้ารับการตรวจเลือกด้วยความมีวินัยและสมัครใจปฏิบัติหน้าที่ชายไทยอย่างสมบูรณ์ พร้อมยืนยันว่าทหารกองประจำการทุกนายจะได้รับการฝึกอบรม ดูแล และพัฒนาอย่างเข้มข้น ปลอดภัย และได้รับการปฏิบัติอย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรี ในฐานะ "ทหารของชาติ"