วันที่ 8 เม.ย. 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิยช์ กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบรายชื่อผู้ถือหุ้นบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 จำกัด ว่า ขณะนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับเป็นคดีพิเศษแล้ว ทางกระทรวงพาณิชย์ป้อนข้อมูลให้ดีเอสไอดำเนินการ เบื้องต้นเราทราบดีแล้วว่าคนไทยถือหุ้น 49%และเป็นต่างชาติถือหุ้น 51% โดยต่างชาติเป็นกรรมการในการลงนาม และพื้นฐานของคนไทย 3 คนที่ถือหุ้นไม่น่าจะมีฐานะในการถือหุ้นได้ ขณะนี้ดีเอสไอกำลังตามหาทั้ง 3 คนอยู่ แต่ยังไม่พบ

อย่างไรก็ตาม ต้องใช้วิธีการหาหลักฐานเพิ่มเติม เช่น ให้กรมสรรพากรตรวจสอบการเสียภาษีของทั้ง 3 คน ตรวจสอบบัญชีการเงินต่างๆว่า ทั้ง 3 คนมีรายได้เงินฝากเพียงพอในการลงทุนหรือไม่ สิ่งนี้เป็นหลักฐานที่ดีในการดำเนินคดี แต่เบื้องต้นเชื่อว่าเป็นนอมินีจริง รอหลักฐานบางอย่างเท่านั้นเอง อยู่ระหว่างรอดีเอสไอรวบรวมหลักฐาน

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ตรวจสอบผู้ถือหุ้นบริษัทไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10  จำกัด เกี่ยวพันกับอีก 13 บริษัทหรือไม่ ซึ่งเราตรวจสอบอยู่และส่งข้อมูลให้ดีเอสไอ ส่วนบริษัทเหล็ก เรามีข้อมูลว่าเกี่ยวพันกับอีก 20 กว่าบริษัท ซึ่งให้ดีเอสไอตรวจสอบเหมือนกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า นอกจากส่งข้อมูลให้ดีเอสไอ กระทรวงพาณิชย์มีมาตรการเอาผิดอื่นๆ หรือไม่ นายนภินทร กล่าวว่า อำนาจตรวจสอบอยู่ที่ดีเอสไอ เรามีหน้าที่ส่งข้อมูล ทั้งนี้ ตนในฐานะประธานคณะอนุกรรมการป้องกันและปราบปรามธุรกิจอำพรางของคนต่างด้าว (นอมินี) ได้สั่งให้ทุกหน่วยงานดำเนินการอย่างเข้มข้นสำหรับนอมินีอื่น ซึ่งหลังจากสงกรานต์จะมีการลงพื้นที่อย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องนอมินีหรือสินค้าด้อยคุณภาพ หลังสงกรานต์นี้จะได้เห็น ตนตั้งคณะทำงานไว้ 5 คณะด้วยกัน

อย่างไรก็ตาม ขอชี้แจงว่า สำหรับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ไม่มีอำนาจในการระงับการจดทะเบียน ถ้าเขายื่นเอกสารได้ครบเราต้องจดทะเบียนให้ แต่เมื่อเราสงสัยว่าบริษัทใดเป็นนอมินี เราจะส่งข้อมูลนี้ไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ในการติดตามการตรวจสอบบัญชีต่อ ซึ่งเราส่งข้อมูลหลายบริษัทให้

ขอให้เข้าใจว่ากระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานที่ตั้งขึ้นมาเพื่อให้งานบริการ อำนาจในการสืบสวนสอบสวนเอาผิดทางอาญา เราไม่มีอำนาจ เราไม่ใช่พนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา แต่เราส่งข้อมูลที่เราสงสัยให้หน่วยงานที่มีอำนาจ และการส่งข้อมูลก็ไม่ได้ล่าช้า ทุกวันนี้ก็ยังทำอยู่ และเรากำชับว่าหากหน่วยงานตรวจสอบพบว่าบริษัทดังกล่าวมีความผิดฐานใดก็ให้ดำเนินการทุกฐานอย่างถึงที่สุด