วันที่ 7 เม.ย.2568 มีรายงานข่าวแจ้งว่า ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้กำชับไปที่แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ให้โหวตรับหลักการในวาระแรก ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรฯ ที่จะเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวาระแรก วันที่ 9 เม.ย.นี้ หากพบว่าพรรคร่วมรัฐบาลพรรคไหนแตกแถว จะพิจารณาให้ออกจากรัฐบาลทันที

อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้มีคำสั่งตรงไปที่แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่ง พรรคภูมิใจไทย (ภท.) พรรครวมใจสร้างชาติ (รทสช.) จะโหวตกันอย่างพร้อมเพรียงหรือไม่ และต้องจับตาว่า พรรคประชาชาติ (ปช.) ที่มี สส.จำนวน 9 คน โดยมี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และหัวหน้าพรรค เป็นชาวพุทธ เพียงคนเดียว และมีฐานเสียงหลักอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งนับถือศาสนาอิสลาม จะลงมติร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว อย่างไร

โดยเมื่อวันที่ 27 มี.ค. พ.ต.อ.ทวี ไม่ได้เข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งเป็นวันที่เห็นชอบร่างพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. … โดยระบุว่าติดภารกิจล่วงหน้า นอกจากนี้ พ.ต.อ.ทวี ยังไม่นำเรื่องกฎหมายดังกล่าวมาพูดคุยกับ สส.อีกทั้ง 8 คนแต่อย่างใด

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา นายซูการ์โน มะทา สส.ยะลา พรรคประชาชาติ ได้โพสต์เฟซบุ๊กแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยของ พ.ต.อ.ทวี ต่อ ครม. และประธานวิปรัฐบาล พร้อมกับโพสต์หนังสือของ พ.ต.อ.ทวี ที่แจ้งต่อเลขาธิการ ครม. เมื่อวันที่ 13 ม.ค. เกี่ยวกับข้อสังเกต อาทิ ข้อกังวลเรื่องอาชญากรรม เพราะจะมีชาวต่างชาติเข้ามาในประเทศจำนวนมาก ผลกระทบต่อเด็กและเยาวชน อาจทำให้เกิดการทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐ  จะเกิดความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจจริงหรือไม่

ขณะเดียว เมื่อวันที่ 1 เม.ย. พ.ต.อ.ทวี ได้ทำหนังสือถึง นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) เรื่อง ความเห็นร่างพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร โดยกระทรวงยุติธรรม ได้ทำหนังสือเรียนเลขาธิการ ครม. เรื่องการพัฒนาธุรกิจบันเทิงรูปแบบใหม่ให้เป็นสถานบันเทิงครบวงจร อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อพัฒนาการของเด็กหรือเยาวชน ที่เป็นกำลังสำคัญของประเทศ ที่มุ่งเน้นให้เยาวชน เป็นผู้ที่มีศีลธรรมอันดี ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการพนัน ยาเสพติด อบายมุข ตามหลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นศาสนาประจำชาติ หลักการศาสนาอิสลามหรือศาสนาอื่น

ซึ่งกระทรวงยุติธรรม ได้พิจารณาแล้ว จึงเห็นควรเพิ่มเติมในบทบัญญัติที่เกี่ยวกับขอบเขตพื้นที่การบังคับใช้กฎหมาย หรือการเพิ่มข้อพิจารณาด้านศาสนา และวัฒนธรรม ของประชาชนในท้องที่ ที่จะกำหนดให้เป็นพื้นที่ในการอนุญาตภายใต้นโยบายสถานบันเทิงครบวงจร