เมื่อเวลา 14.10 น. วันที่ 18 มี.ค. 68  ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงรายชื่อเจ้าหน้าที่ที่ทางสหรัฐอเมริกาจะงดออกวีซ่า จากกรณีประเทศไทยส่งกลับชาวอุยกูร์ไปยังประเทศจีนว่า ตนยังไม่เห็นเลย เห็นแค่คำแถลง ขอให้ไปดูที่กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ดีกว่า ว่าใครโดนบ้าง แต่ตนคิดว่าเป็นสิทธิของ กต. หรือทางสหรัฐฯ จะมีท่าทีต่อเรื่องเหล่านี้ในระดับไหน อย่างไร เป็นเรื่องของเขา เขาทำหน้าที่ของเขา เราเองก็ทำหน้าที่ของเรา เราทำสิ่งที่ดีที่สุด ไม่ได้กังวลหรือมีปัญหาอะไร ต่างคนต่างทำหน้าที่ เราเพียงแค่ดูว่าทำอย่างไรจะดีกับเราที่สุด

ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ประเทศนั้นๆ ไม่ออกวีซ่าให้กับเจ้าหน้าที่รัฐใด ถือว่าเป็นการออกกฎที่แรงไปหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขอให้ไปถาม กต. ตนคิดว่า กต.แถลงทุกอย่างชัดเจนอยู่แล้ว 

เมื่อถามว่า การพาสื่อมวลชนไปเยี่ยมชาวอุยกูร์ จะทำให้สถานการณ์ของไทยถูกมองในด้านบวกขึ้นหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ก็อย่าไปคิดลบ การเดินทางไปครั้งนี้ เป็นไปตามที่เราได้คุยและตกลงกันไว้กับสื่อ ทำให้ทุกอย่างเห็นว่าการพูดทุกอย่างของเราไม่ใช่การแก้ตัว เมื่อเราส่งไปแล้ว ก็อยากไปดูติดตามไปขอพบ จะได้ชัดเจน เมื่อไปพบแล้วเขาพูดมาอย่างไรก็อยู่ที่เขาแล้ว คนอื่นจะได้ไม่ต้องมาจินตนาการหรือวิพากษ์วิจารณ์ ถ้าชาวอุยกูร์บอกว่าดีแล้ว ได้กลับมาบ้านเกิด ได้มาอยู่ที่นี่ดีกว่าให้ไปอยู่ในคุกตั้ง 11 ปี ทุกคนก็จะได้รู้ ได้ฟังตามนั้น สื่อก็ไปซักกันเองไม่มีปัญหา

เมื่อถามว่า จะมีโอกาสได้รับฟังจากปาก 40 ชาวอุยกูร์ที่กลับไปหรือไม่ว่า จริงๆ แล้วสถานการณ์เป็นอย่างไรหลังจากที่กลับไป นายภูมิธรรม กล่าวว่า ก็ตนพาไปเจอพวกเขาแล้วนี่ไง และเมืองที่เราไปในมณฑลซินเจียงไกลมาก ไม่ได้ติดเมืองหลวง คนส่วนใหญ่จะเป็นคนที่อยู่ชายแดนแถวนั้น ซึ่งภูมิประเทศแถบนั้นแค่มณฑลเดียวใหญ่กว่าประเทศไทยถึง 3 เท่า กว้างใหญ่ไพศาล ฉะนั้น เขาพยายามจัดคนที่อยู่ใกล้ๆ มาพบกับเรา ส่วนคนที่อยู่ไกล ตนได้บอกว่าจัดผ่านซูมเข้ามาก็ได้

ทั้งนี้เราจะไปที่หมู่บ้านที่มีชาวอุยกูร์ที่กลับไปอยู่ เราจะเข้าไปดูและพูดคุย โดยให้สื่อที่ไปกับเราสัก 2 คน เป็นตัวแทนเข้าไปพูดคุย ส่วนคนอื่นจะเข้าไปถ่ายครั้งละ 2 คน เพื่อเก็บบรรยากาศ เพราะเขาบอกว่าบ้านเขาเล็ก ถ้าอยู่ๆ เอาสื่อเข้าไป 10-20 คนก็แน่นไปหมด ส่วนจะซักถามอะไรก็ซักถามไป คนอื่นก็เข้าไปเก็บบรรยากาศ หมุนเวียนกันไปให้ครบทุกคน 

นายภูมิธรรม กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ชาวอุยกูร์ที่เราไปพบจะกี่คนไม่ทราบ แต่คิดว่าไม่ควรต่ำกว่า 5 คน ตนบอกไปแล้วว่าให้มาพอสมควร เพราะเราไปได้แค่ 2 วัน และเรายังมีเรื่องอื่นๆ อีก เนื่องจากเราต้องไปคุยกับผู้นำอิสลามที่เหมือนกับจุฬาราชมนตรีในประเทศไทยว่า ท่านรู้สึกอย่างไร เพราะเป็นคนละศาสนา ไปคุยกับหมอที่โรงพยาบาล และไปที่ศูนย์ฝึกอาชีพของเขา ตนว่า เพื่อความบริสุทธิ์ใจ ไม่มีอะไรพิเศษกว่านั้น เราไปทำหน้าที่ของเราให้จบครบถ้วนตามกระบวนการ