มูลนิธิอาณัตพณ ซารัมย์ จับมือส่วนราชการ ภาคเอกชน และชาวชุมชน น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ในหลวงรัชกาลที่ 9 ส่งเสริมสนับสนุนชาวบ้าน ปลูกพืชผักสวนครัวนานาชนิดแบบอินทรีย์ เพื่อเป็นแหล่งอาหารยั่งยืน ปลอดภัย มีผักไว้กินลดรายจ่าย และสร้างรายได้ตลอดทั้งปี
วันที่ 11 มี.ค.68 นายโสภณ ซารัมย์ ส.ส.บุรีรัมย์ ในฐานะประธานคณะกรรมมาธิการการศึกษา สภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานเปิดโครงการ ‘คนบ้านประดู่ รักศรัทธา แก้ปัญหา ความยากจน’ ซึ่งทางมูลนิธิอาณัตพณ ซารัมย์ (ลูกเติ้ง) ร่วมกับฝ่ายปกครอง อ.บ้านใหม่ไชยพจน์ อบต.กู่สวนแตง สำนักงานเกษตรจังหวัดบุรีรัมย์ ส่วนราชการและชุมชนร่วมกันจัดขึ้น ที่บริเวณแปลงผักหลังที่ทำการ อบต.กู่สวนแตง อ.บ้านใหม่ไชยพจน์ จ.บุรีรัมย์ โดยได้มีการนำวิทยากรมาสอนและสาธิต การเพาะเห็ดฟางให้แก่กลุ่มอาชีพปลูกผักปลอดสารพิษ บ้านประดู่ ต.กู่สวนแตง เพื่อเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการสร้างแหล่งอาหาร และสร้างรายได้เพิ่มนอกเหนือจากการปลูกพืชผักสวนครัวทั่วไป ซึ่งเป็นกลุ่มชาวบ้านที่ได้รวมตัวกันปลูกพืชผักสวนครัวนานาชนิด บริเวณด้านหลังที่ทำการ อบต.กู่สวนแตง โดยการน้อมนำเอาหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ในหลวงรัชกาลที่ 9 จึงทำให้มีพืชผักสวนครัวไว้กิน ลดรายจ่าย และขายสร้างรายได้ตลอดทั้งปี
สำหรับ กลุ่มแปลงใหญ่ผักบ้านประดู่ หมู่ที่ 9 ต.กู่สวนแตง เป็นชาวบ้านในพื้นที่หมู่บ้านประดู่ ต.กู่สวนแตง ที่ได้รวมตัวกันปลูกพืชผักสวนครัว บนแปลงผักที่บริเวณขอบหนองน้ำ บริเวณหลังที่ทำการ อบต.กู่สวนแตง มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2537 บนเนื้อที่ 7 ไร่ โดยใช้ชื่อว่า ประดู่โมเดล ต่อมาในปี พ.ศ2562 ทางมูลนิธิอาณัตพณ ซารัมย์ (ลูกเติ้ง) ร่วมกับ เกษตรจังหวัดบุรีรัมย์ เกษตรอำเภอบ้านใหม่ไชยพจน์ อ.บ้านใหม่ไชยพจน์ อบต.กู่สวนแตง ส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เข้ามาส่งเสริมและสนับสนุน โดยเน้นการพืชผักอินทรีย์ให้เป็นอาหารปลอดภัยจากสารเคมี เพื่อสุขภาพที่ดีของผู้บริโภค และได้เริ่มขยายพื้นที่ปลูกอีกจนเป็น 13 ไร่ในปัจจุบัน มีชาวบ้านกว่า 60 ครัวเรือน มารวมกลุ่มใช้ประโยชน์ร่วมกัน และจัดตั้งเป็นกลุ่มแปลงใหญ่ผักบ้านประดู่ หมู่ที่ 9 ต.กู่สวนแตง
โดยแบ่งเป็นล็อกให้ตัวแทนชาวบ้านกว่า 60 ครัวเรือน ปลูกพืชผักสวนครัวตามที่ตนเองถนัด ซึ่งมีทั้งพริก หอมแดง กระเทียม ผักชี กะเพราะ โหระพา ถั่วฝักยาว แตงกวา ฟักทอง ข้าวโพด ถั่วลิสง และกระเจี้ยบ เป็นต้น เพื่อให้พื้นดินที่ว่างเปล่าบริเวณด้านหลังที่ทำการ อบต.กู่สวนแตง ซึ่งมีสระน้ำใหญ่อยู่แล้ว ได้เป็นพื้นที่แปลงเพาะปลูกพืชผักสวนครัวไว้ได้มีกินมีขายตลอดทั้งปี ช่วยลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ ซึ่งยังเป็นการสร้างความมั่นคงด้านอาหารให้กับชาวบ้านในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังได้ขยายผลต่อยอดไปสู่ครัวเรือนของตนเองด้วย โดยชาวบ้านยังได้ใช้พื้นที่ว่างบริเวณบ้าน และไร่นาปลูกพืชผักสวนครัวไว้กินไว้ขายเช่นเดียวกันในหมู่บ้านอีก 19 ไร่
นางทองย้อย ถนัดไธสง อายุ 60 ปี ชาวบ้านประดู่ ต.กู่สวนแตง บอกว่า ได้ปลูกพริกและปลูกผักผสมผสานกันไปในแปลงที่ได้รับจัดสรร บางครั้งก็ปลูกข้าวโพด ถั่วลิสง กะหล่ำปลี คะน้า ก็ปลูกทุกอย่างที่พอจะปลูกได้ ทำให้พวกตนได้ประโยชน์ทั้งมีพืชผักสวนครัวที่ปลอดภัยจากสารเคมีไว้กินไว้ขาย โดยนำไปขายตามตลาดนัดคลองถมในหมู่บ้านต่างๆทำให้มีรายได้เสริมเป็นอย่างดี หลังว่างเว้นจากการทำนา ถ้าคนขยันหน่อยก็จะมีรายได้เฉลี่ยไม่ต่ำกว่าวันล 1-2 พันบาท ถือว่าเป็นโครงการที่ดีและได้มีการต่อยอดมาแนะนำให้ปลูกเห็ดฟาง ผสมผสานกันไปก็จะทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นอีก
นายโสภณ กล่าวว่า ในปี พ.ศ.2562 ทางมูลนิธิอาณัตพณ ซารัมย์ (ลูกเติ้ง) พร้อมส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้เข้ามาส่งเสริมและสนับสนุน โดยเน้นการพืชผักอินทรีย์ให้เป็นอาหารปลอดภัยจากสารเคมี เพื่อสุขภาพที่ดีของผู้บริโภค ซึ่งได้มีการปลูกพืชผักสวนครัวนานาชนิดไว้ทั้งกินและขาย วันนี้จึงได้มาสนับสนุนส่งเสริมให้ทำการเพาะเห็ดฟาง เพื่อลดปัญหาที่เกิดจากการเผาฟางข้าวและตอซังข้าวในนา ที่เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดฝุ่นควัน PM 2.5 โดยการนำฟางข้าวและตอซังข้าวมาเป็นวัตถุดิบหลักในการเพาะเห็ดฟาง ถือเพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้กับกลุ่มชาวบ้าน ที่จะได้มีเห็ดปลอดสารพิษไว้บริโภคและขายสร้างรายได้ รวมถึงจะได้ปุ๋ยหมักอีกด้วย
ทำให้บ้านประดู่ ต.กู่สวนแตง อ.บ้านใหม่ไชยพจน์ จ.บุรีรัมย์ แห่งนี้เป็นโมเดลเกษตรผสมผสานอย่างยั่งยืน ด้วยการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน จนประสบผลสำเร็จมาถึงปัจจุบันนี้ ที่มีการบูรณาการร่วมกันทั้งภาครัฐ เอกชน และชาวบ้าน