“สมศักดิ์” มั่นใจ ผนึกกำลัง “คนหัวดีกับคนมีตังค์” ขับเคลื่อนเศรษฐกิจสุขภาพ ดันมูลค่ารายได้ถึง 6.9 แสนล้าน เพิ่มจีดีพีให้ประเทศ พร้อมอำนวยความสะดวกนักลงทุน-ปลดล็อกข้อกฎหมายที่มีปัญหา
วันที่ 4 มี.ค.2568นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าว “ความร่วมมือขับเคลื่อนส่งเสริมเศรษฐกิจสุขภาพประเทศไทย” ระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) โดยมีนพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมฯ ผู้บริหารกระทรวงและสภาอุตสากรรมฯ โดยนายสมศักดิ์ แถลงว่า การร่วมมือกันในการสนับสนุนนโยบายเศรษฐกิจสุขภาพของกระทรวงสาธารณสุข และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นับเป็นความร่วมมือที่ส่งเสริมผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มีคุณภาพ ประสิทธิภาพเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ซึ่งจะช่วยเพิ่มการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสุขภาพได้เป็นอย่างดี เช่น นวัตกรรมยา เครื่องมือแพทย์ ผลิตภัณฑ์สมุนไพร และเครื่องสำอาง เป็นต้น โดยที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุข มุ่งผลักดัน 7 นโยบายด้านเศรษฐกิจสุขภาพ เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 6.9 แสนล้านบาท ในปี 2568 ส่งผลต่อการเพิ่ม GDP ของประเทศ และได้มีการรับฟังปัญหาและอุปสรรค ดำเนินการปรับปรุงกฎระเบียบ ในการขออนุมัติ การอนุญาตด้านผลิตภัณฑ์ สถานที่ผลิต นำเข้า ขาย รวมทั้งการโฆษณา เพื่ออำนวยความสะดวก ในการประกอบธุรกิจ และปรับปรุงให้มีความรวดเร็วมากขึ้น อย่างต่อเนื่องและจากการหารือร่วมกัน จึงได้กำหนดมาตรการสำคัญ เพื่อส่งเสริม การผลิตภายในประเทศ เพิ่มความได้เปรียบทางการแข่งขัน เช่น การให้คำปรึกษาด้านกฎระเบียบ การฝึกอบรมพัฒนาผู้ประกอบการ การส่งเสริมการใช้ผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ผลิตได้ในประเทศ และผลักดันให้เข้าสู่ ชุดสิทธิประโยชน์ ภายใต้หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้มีข้อเสนอแนะของสภาอุตสาหกรรมฯ คือการแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและสภาอุตสาหกรรมฯ เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและการลงทุนในประเทศ ข้อหารือส่วนใหญ่เป็นการแสดงความรู้สึกชื่นชมหน่วยงานสาธารณสุขที่อำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุนในอุตสาหกรรมต่างๆ เนื่องจากเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงตลอด อุตสาหกรรมบางชนิด เช่น เครื่องสำอางมีการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีเร็วมากทำให้เกิดการแข่งขันสูง อย. ก็อำนวยความสะดวกให้อย่างเต็มที่ ส่วนประเภทสมุนไพรนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขรัฐบาลสนับสนุนให้ใช้สมุนไพรในประเทศ เงินที่เพิ่มขึ้นของสปสช. 3,000 ล้านบาท ในปีหน้าจะเน้นหน่วยงานของรัฐใช้สมุนไพรที่รัฐผลิตและซื้อขายกันเองถ้าแบ่งสัดส่วนให้ภาคเอกชนบ้างก็จะเป็นการสนับสนุน
“ผมพยามผลักดันของที่ผลิตในประเทศไทย และในเดือนหน้าจะมีงานโอซาก้าเอ็กซ์โป จะนำของจากประเทศไทยไปโชว์ช่วยการตลาด คิดว่าการส่งเสริมนโยบายเศรษฐกิจสุขภาพมูลค่าเศรษฐกิจ 6.9 แสนล้านบาท หวังจากกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจเศรษฐกิจของประเทศในปี 68 เรื่องที่เรามองเห็นในขณะนี้คือนวดแผนไทยเพิ่มหมอนวดเฉพาะทาง 20,000 คน จะทำให้มีมูลค่าถึง 1.9 แสนล้านบาท แต่อุตสาหกรรมที่จะขับเคลื่อนต่อไปที่มีทั้งนำเข้าและส่งออกประมาณ 2 แสนล้าน ทั้งนี้ หากมีกฎหมายที่เป็นอุปสรรค สภาอุตสาหกรรมฯ แจ้งเข้ามาเพื่อนำไปปรับปรุง วันนี้เราเอาคนหัวดีกับคนมีตังค์มาเจอกันก็จะเกิดธุรกิจอันยิ่งใหญ่ของประเทศ รัฐบาลให้การสนับสนุนในทิศทางนี้”นายสมศักดิ์ กล่าว
ภายหลังการแถลงข่าวเสร็จสิ้น นายสมศักดิ์ ได้มอบของที่ระลึกเป็นทัพพีนับคาร์บให้กับคณะสภาอุตสาหกรรม เพื่อรณรงค์การนับคาร์บ ในการบริโภคอาหารที่สมดุลกับสัดส่วนเพื่อสุขภาพแข็งแรงห่างไกลโรค NCDs
นายสมศักดิ์ ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีคลินิกบางแห่งงดส่งตัวคนไข้ชั่วคราวว่า ขอให้ไปสอบถาม สปสช. เพราะระเบียบที่ออกประกาศไปแล้ว สปสช.ต้องไปติดตาม ทั้งนี้ให้ส่งชื่อคลินิกมาจะได้เร่งไปตรวจสอบ ซึ่งวันนี้ได้มีการตั้งกรรมการโดยให้เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธานดูราคาต้นทุนของการทำงาน อย่างไรก็ตาม เรื่องการส่งตัวขณะนี้ ไม่ต้องมีแล้วคนไข้สามารถถือบัตรบัตรประชาชนใบเดียวไปได้ทุกที่ แต่กรณีที่เกิดขึ้นอาจจะมีเหตุขัดข้อง