วันที่  1 มี.ค.68 พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ ศรภ. โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว พลโท นันทเดช เมฆสวัสดิ์ ระบุว่า...

หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลง ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช ได้เจรจากับอังกฤษจนสำเร็จ ทำให้ ประเทศไทยรอดพ้นจากการเป็นเมืองขึ้นแน่นอนแล้ว ม.ร.ว.เสนีย์ ได้ยุบสภาฯเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ขึ้น

พรรคประชาธิปัตย์ได้รับเลือกเข้ามาด้วยเสียงข้างมาก นายควง

อภัยวงศ์ จึงขึ้นมาเป็นนายกฯ แต่ประสบปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ หลังสงครามโลก นายควง จึงลาออก

นายปรีดี ขึ้นมาเป็น นายกฯ แทน แก้ไขปัญหา เศรษฐกิจโดยการ

กู้เงินจากสหรัฐฯ 10 ล้านดอลล่าร์ และจากประเทศอินเดีย อีก 50 ล้านรูปี

ต่อมา นายปรีดี ได้ร่างรัฐธรรมนูณฉบับใหม่ กำหนดให้มีพฤฒิสภา

(วุฒิสภา) ที่มาจากการเลือกตั้งในทางอ้อม กล่าวคือ ส.ส. มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของราษฏร แต่พฤฒิสภา ใช้การเลือกตั้งในทางอ้อม

โดยให้ ส.ส. เป็นผู้เลือกกันเองตามสมัครใจ

วิธีการเลือกตั้งในทางอ้อมนี้ นายปรีดี ได้ค้นคิดขึ้นมา จึงเป็นวิธีใหม่

ที่ไม่เคยใช้กันมาก่อน พฤฒิสภา มีจำนวน 80 คน แต่มีผู้สมัครเข้ามาเป็นสมาชิกพฤฒิสภา มากถึง 245 คน จึงมีการค้นคิดวิธี หากลุ่ม หาพวก กันอุตลุดไปหมด พรรคประชาธิปัตย์นั้น ส่งผู้สมัครจัดทำโผลับให้ถือเข้าไปเลือก ซึ่งพรรคฝ่ายนายปรีดี ก็จัดทำเช่นกัน แต่ทำได้จริงจังกว่า จึงสามารถรวม ส.ส.อิสระที่จะมาช่วยออกเสียงได้มากกว่า

ฝ่ายนายปรีดี จึงชนะไปเกือบทั้งหมด พรรค ประชาธิปัตย์ได้เพียงคนเดียว ส่วนใหญ่จึงกระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพ และภาคอิสาน จนทำให้ ม.ร.ว. เสนีย์ บ่นออกมาอย่างน้อยใจ สรุปว่า คนดีๆไม่ได้รับเลือก แต่ เศรษฐีสงคราม อาชญากรสงคราม แม้กระทั่ง “ คนแจวเรือจ้างให้นายปรีดี ” ฯลฯ กลับได้รับการเลือกมา

เป็นพฤฒิสภา

กลับมาในปัจจุบัน ที่ปี 2567 ก็มีการเลือกตั้งวุฒิสภา ขึ้นมาด้วย

“ กติกาใหม่ ” ที่ไม่เคยใช้มาก่อนเช่นกัน ต่างฝ่ายต่างก็จัดตั้งพวกของตนไว้ ทำไลน์กลุ่มก็มี เลี้ยงดูกันเกิดขึ้นเกือบทุกจังหวัด คล้ายคลึงกันกับเหตุการณ์ในอดีต สว.ที่ได้มาในบางพื้นที่ก็ได้มาเป็นกระจุกเช่นกัน ได้มาหลายสาขาอาชีพ

ไม่ว่าตัวสำรอง หรือตัวจริง ก็ใช่วิธีที่ใกล้เคียงกัน ครับ

เรื่องนี้ก็เขียนมาให้อ่านทบทวนความจำเรื่องที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต เพราะการเมืองทุกประเทศ ก็เป็นเช่นนี้ ยิ่งมี “ กติกาใหม่ ” เกิดขึ้น ก็ยิ่งมีการพลิกแพลงไปตามกติกา ใครฉลาดกว่าก็ชนะไป ชนะตามกติกาในระบอบประชาธิปไตยเสียด้วย ลองหาอ่านดูในหนังสือประวัติศาสตร์การเมืองต่างๆ ได้เลยครับ หรือให้ดูการเมืองของสหรัฐฯต้นแบบประชาธิปไตยเป็นตัวอย่างก็ได้ ครับ