แขวงทางหลวงอุตรดิตถ์ที่ 2 ติดตามความก้าวหน้าโครงการจ้างวิศวกรที่ปรึกษาสำรวจและออกแบบสะพานปากนายข้ามเขื่อนสิริกิติ์ อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ - อ.นาหมื่น จ.น่าน
เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชาโณ พยงค์ศรี ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงอุตรดิตถ์ที่ 2 สำนักงานทางหลวงที่ 5 กรมทางหลวง พร้อมด้วยนายชาญชัย สลีวงศ์ รองผู้อำนวยการแขวง ฯ (ฝ่ายปฎิบัติการ) นายสุรเชษฐ ขวดหรีม รองผู้อำนวยการแขวงฯ (ฝ่ายวิศวกรรม) ประชุมติดตามความก้าวหน้าโครงการจ้างวิศวกรที่ปรึกษาสำรวจและออกแบบสะพานปากนายข้ามเขื่อนสิริกิติ์ อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ - อ.นาหมื่น จ.น่าน และ โครงการจ้างวิศวกรที่ปรึกษาสำรวจและออกแบบทางหลวง 4 ช่องจราจร ทางหลวงแนวใหม่เชื่อม ต.ม่วงเจ็ดต้น - จุดผ่านแดนถาวรภูดู่ ณ ห้องประชุมแขวงทางหลวงอุตรดิตถ์ที่ 2
นายชาโณ พยงค์ศรี ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงอุตรดิตถ์ที่ 2 กล่าวว่า ปัจจุบันพบว่าการเดินทางระหว่างอำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ และ อำเภอนาหมื่น จังหวัดน่าน ในเส้นทางช่วงที่ต้องผ่านเขื่อนสิริกิติ์ ประชาชนจะต้องสัญจรโดยอาศัยบริการแพขนานยนต์ข้ามเพียงอย่างเดียว และขณะเดียวกันประชาชนมีแนวโน้มที่จะใช้เส้นทางนี้ในการสัญจรเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น กรมทางหลวง จึงมีแนวคิดในการก่อสร้าง “เส้นทางใหม่” เพื่อสัญจรข้ามเขื่อนสิริกิติ์ จึงได้ดำเนินการว่าจ้างกลุ่มบริษัทที่ปรึกษา ประกอบด้วย บริษัท วี เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแตนท์ จำกัด บริษัท ธรรมชาติ คอนซัลแตนท์ จำกัด และ บริษัท ดาวฤกษ์ คอมมูนิเคชั่นส์ จำกัด เพื่อสำรวจและออกแบบรายละเอียดสะพานปากนายข้ามเขื่อนสิริกิติ์ ที่มีมาตรฐานตามหลักวิศวกรรม และสอดคล้องกับสภาพสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ สังคม เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกในการเดินทางให้มีความสะดวก รวดเร็วและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ช่วยสร้างโอกาสทางการค้า การลงทุน กระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในพื้นที่โครงการฯ นำไปสู่การส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิต เศรษฐกิจ และ สังคม อย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ โครงการจ้างวิศวกรที่ปรึกษาสำรวจและออกแบบสะพานปากนายข้ามเขื่อนสิริกิติ์ อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ - อ.นาหมื่น จ.น่าน ผลสรุปการศึกษาโครงการรวมระยะทาง 2,390 เมตร วงเงินก่อสร้าง 1,750 ล้านบาท มีแผนของบประมาณก่อสร้างปี 70 ใช้เวลา 3 ปี เปิดใช้บริการปี 73 แนวเส้นทางโครงการมีจุดเริ่มต้น กม.100+238 ของทางหลวงหมายเลข 1339 ตอน อ.น้ำปาด-บ้านปากนาย พื้นที่ ต.ท่าแฝก อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ ผ่านพื้นที่อุทยานแห่งชาติลําน้ำน่าน ข้ามเวิ้งของอ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์ ด้วยโครงสร้างสะพานยาว 346 เมตร ต่อเนื่องด้วยคันทางในเขตอุทยานแห่งชาติลําน้ำน่านอีก 186.50 เมตร ขนาด 2 ช่องจราจร (ไปกลับ) ความกว้างช่องละ 3.50 เมตร ไหล่ทางด้านในและด้านนอกกว้าง 1.00 เมตร มีเกาะกลางแบบกำแพงหรือราวกั้น จากนั้นจะข้ามอ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์ ด้วยโครงสร้างสะพานยาว 1,139 เมตร ขนาด 2 ช่องจราจร (ไปกลับ) กว้างช่องละ 3.50 เมตร ไหล่ทางด้านในกว้าง 1.00 เมตร ไหล่ทางด้านนอกกว้าง 2.50 เมตร มีเกาะกลางแบบกำแพงหรือราวกั้นและมีทางเท้ากว้างข้างละ 1.50 เมตร จากนั้นแนวเส้นทางลดระดับเข้าเชื่อม ทล.1026 ตอน บ.ปากนาย–อ.นาหมื่น บริเวณ กม.75+400 พื้นที่ ต.นาทะนุง อ.นาหมื่น จ.น่าน
ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงอุตรดิตถ์ที่ 2 กล่าวอีกว่า ในอนาคตเมื่อปริมาณจราจรเพิ่มขึ้นขยายสะพานเป็น 4 ช่องได้ โดยไม่ต้องก่อสร้างสะพานใหม่ นอกจากนี้ได้ออกแบบจุดชมวิวบนสะพานบริเวณกึ่งกลางอ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์ โดยนักท่องเที่ยวจอดรถได้ที่จุดจอดรถบริเวณเชิงสะพานทั้งฝั่งอุตรดิตถ์และฝั่งน่าน 1. บริเวณ ทล.1339 ฝั่ง จ.อุตรดิตถ์ ออกแบบทางบริการขนาด 2 ช่องจราจร เดินรถ 2 ทิศทาง ช่องจราจรละ 3.50 เมตร มีความสูงช่องลอดใต้สะพาน 3.00 เมตร 2. บริเวณ ทล.1026 ฝั่ง จ.น่าน ออกแบบทางบริการฝั่งขวาทางขนาด 2 ช่องจราจร เดินรถ 2 ทิศทาง ช่องจราจรละ 3.00 เมตร และออกแบบทางบริการฝั่งซ้าย ทางขนาด 1 ช่อง เดินรถทิศทางเดียว ขนาดช่องจราจร 4.00 เมตร มีความสูงช่องลอดใต้สะพาน 5.50 เมตร รองรับความสูงของรถยนต์ทุกประเภท ส่วนจุดกลับรถฉุกเฉินกำหนดไว้บริเวณ กม.1+077 และ 1+379 บนสะพานข้ามอ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์ ให้กู้ภัยเข้าถึงพื้นที่ได้อย่างรวดเร็ว
"กรมทางหลวง จึงได้ออกแบบงานสถาปัตยกรรมและภูมิสถาปัตยกรรมและตกแต่งเสาไฟฟ้าส่องสว่าง ให้สอดคล้องเชื่อมโยงอัตลักษณ์ จ.น่าน และอุตรดิตถ์ รวมทั้งจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) เนื่องจากแนวเส้นทางตัดผ่านพื้นที่อุทยานแห่งชาติศรีน่าน และอุทยานแห่งชาติลําน้ำน่าน คาดว่าจะศึกษาเสร็จช่วงต้นปี 68 เพื่อเสนอรายงานอีไอเอ ให้คณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (คชก.) และคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) พิจารณาเห็นชอบต่อไป อย่างไรก็ตาม สะพานปากนายข้ามเขื่อนสิริกิติ์ เชื่อม จ.อุตรดิตถ์ กับ จ.น่าน จะช่วยให้การเดินทาง ขนส่งสินค้า สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัยยิ่งขึ้น และร่นเวลาเดินทางด้วยแพขนานยนต์ใช้เวลา 30 นาที เหลือไม่ถึง 5 นาที" นายชาโณ กล่าว.