“สมศักดิ์” เปิดการฝึกซ้อมแผนตอบโต้ภัยพิบัติด้านการแพทย์และสาธารณสุขระหว่างประเทศ ชี้ ช่วยสร้างมาตรฐานเดียว สามารถช่วยชีวิตคนได้เร็วขึ้น ยัน พร้อมรับฟังทุกฝ่าย ปมทบทวนขายแอลกอฮอล์วันพระ-ยกเลิกห้ามขาย 14.00-17.00 น. ย้ำ เจตนารมณ์ดึงเม็ดเงินนักท่องเที่ยว แย้ม กฎหมายแอลกอฮอล์เก่าแล้ว กำหนดสถานบริการห่างวัด-โรงเรียน 500 เมตร แต่ปัจุบันเมืองเปลี่ยนแปลงแออัดขึ้น

วันที่ 13 ก.พ. 2568 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานพิธีเปิดการประชุมสรุปผลการฝึกซ้อมแผนตอบโต้ภัยพิบัติด้านการแพทย์และสาธารณสุขระหว่างประเทศ ในภูมิภาคอาเซียน ครั้งที่ 6 (The 6th Regional Collaboration Drill) โดยมี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายกิตติกร โล่ห์สุนทร เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายวิชัย ไชยมงคล ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข คุณทัตสึฮิ นิชิโอกะ รองหัวหน้าคณะผู้แทนทางการทูตและอัครราชทูต ผู้แทนถาวรประจำเอสแคป (ESCAP) สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย คุณโยสุเกะ โคบายาชิ เลขานุการเอก สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย เรืออากาศเอก นพ.อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และ ทีมปฏิบัติการฉุกเฉินทางการแพทย์จากประเทศสมาชิกอาเซียน เข้าร่วม ที่โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ

โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า ความถี่และความรุนแรงของภัยพิบัติที่เพิ่มขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่ประเทศในภูมิภาคอาเซียน จะต้องมีแนวทางการตอบสนอง ด้านการแพทย์และสาธารณสุข ที่สามารถรับมือกับภาวะฉุกเฉินและภัยพิบัติ ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ตนจึงมีความยินดี ที่ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพ จัดการฝึกซ้อมแผนตอบโต้ภัยพิบัติ ระหว่างประเทศในภูมิภาคอาเซียน ครั้งที่ 6 ซึ่งเป็นการจำลองสถานการณ์ ทดสอบขีดความสามารถ และปรับปรุงกลไกการประสานงาน ระหว่างหน่วยงานเครือข่ายต่าง ๆในภูมิภาค เพื่อให้แน่ใจว่า เมื่อมีภัยพิบัติเกิดขึ้น อาเซียนจะสามารถยืนหยัดร่วมกัน ตอบสนองได้อย่างทันท่วงที และฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง

“การฝึกซ้อมในครั้งนี้ ยังตอกย้ำถึงพันธสัญญา ที่เรามีต่อวิสัยทัศน์ One ASEAN, One Response และปฏิญญาผู้นำอาเซียนว่าด้วยการจัดการภัยพิบัติ ด้านการแพทย์และสาธารณสุข ซึ่งเน้นย้ำถึงความสำคัญของความเป็นปึกแผ่น การประสานงานและการลงมือปฏิบัติร่วมกัน ในการรับมือกับภัยพิบัติ ผมขอขอบคุณพันธมิตรจากประเทศญี่ปุ่น และประเทศสมาชิกอาเซียนทุกท่าน ที่ทำให้การฝึกซ้อมในครั้งนี้บรรลุผลสำเร็จ และหวังว่า จะได้เห็นความก้าวหน้าของความร่วมมือ ในการบริหารจัดการภัยพิบัติด้านการแพทย์และสาธารณสุข อย่างยั่งยืนต่อไป” รมว.สาธารณสุข กล่าว

นอกจากนี้ นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า การฝึกซ้อมแผนตอบโต้ภัยพิบัติด้านการแพทย์และสาธารณสุขระหว่างประเทศ ในภูมิภาคอาเซียน เป็นการถอดบทเรียน และสะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับภัยพิบัติของแต่ละประเทศ จะได้มีมาตรฐานการช่วยเหลือแบบเดียวกัน โดยเริ่มที่ประเทศไทย ที่ได้ถอดบทเรียนสึนามิ เวียดนาม เกี่ยวกับน้ำท่วม ฟิลิปปินส์ เกี่ยวกับแผ่นดินไหว อินโดนีเซีย เกี่ยวกับภูเขาไฟ ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นเหตุภิบัติทางธรรมชาติ ดังนั้น ถ้ามาตรฐานช่วยเหลือเป็นหนึ่งเดียว ก็จะสามารถร่วมกันช่วยเหลือชีวิตคนได้มากยิ่งขึ้น

เมื่อถามถึงกรณีนายกรัฐมนตรี สั่งการให้ทบทวนการขายแอลกอฮอล์ในวันพระ กระทรวงสาธารณสุข จะมีการดำเนินการอย่างไร นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เราเป็นหน่วยงานหลักที่ดูแลกฎระเบียบต่างๆ อย่างที่ผ่านมา เรื่องบุหรี่ ที่มีผู้ที่ต้องการห้องสูบบุหรี่ ก็ควรเรียนรู้ร่วมกัน ไม่ใช่พูดคุยกันโดยที่ไม่ได้ไปดูเหตุการณ์ข้อเท็จจริง ซึ่งเมื่อดูทั้งหมดแล้ว ทั้ง 2 ฝ่ายที่พูดคุยกัน ก็จะหาข้อสรุปได้ รวมถึงเรื่องแอลกอฮอล์ ที่มีกฎหมายแอลกอฮอล์มาหลายปีแล้ว กำหนดให้สถานบริการ ต้องอยู่ห่างไกลวัด โรงเรียน 500 เมตร แต่วันนี้สถานการณ์ และพื้นที่ต่างๆ ได้เปลี่ยนแปลงไปหมด เนื่องจากบ้านเรือนแออัดขึ้น และสิ่งที่เป็นประโยชน์ในการสร้างรายได้เข้าประเทศ ก็คือ เรามีนักท่องเที่ยวเข้ามาจำนวนมาก ซึ่งในสมันตนเป็น รมว.การท่องเที่ยว มีนักท่องเที่ยวเข้ามา 2-3 ล้านคน แต่วันนี้ เราต้องการนักท่องเที่ยว 30-35 ล้านคน ดังนั้น ถ้าใช้หลักเกณฑ์เดิมในการดำเนินการต่างๆ จะสามารถยึดโยงนักท่องเที่ยวได้หรือไม่ โดยตนขอถามผู้รู้ และสื่อมวลชนว่า ถ้าไปเที่ยวโบราณสถาน เช่น นครวัด จะคิดไปซ้ำทุกเดือน ทุกปี ได้หรือไม่ แต่ถ้าไปเที่ยวเกี่ยวกับการแข่งขันกีฬา เช่น ฟุตบอล ก็สามารถไปได้ทุกอาทิตย์ ดังนั้น การที่รัฐบาล เน้นการท่องเที่ยวก็ต้องเน้นในเรื่องของอาหารการกิน ซึ่งแอลกอฮอล์ ก็ต้องดูว่าจะทำอย่างไร

เมื่อถามต่อว่า จะต้องมีการทบทวนใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เราต้องมาศึกษาว่าควรเป็นอย่างไร เห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วย ก็มาคุยกันได้ เพราะเจตนารมณ์อยากได้เรื่องการท่องเที่ยว เช่น ที่ผ่านมา ก็มีการพิจารณาเรื่องการเช่าเหมาขบวนรถไฟ ที่ไม่เกี่ยวกับผู้โดยสารอื่น ก็ควรให้สามารถดื่มได้หรือไม่ ก็มีการถกเถียงกันมานาน โดยเรื่องแอลกอฮอล์ ขอยืนยันว่า ตนยินดีรับฟังทั้งหมด เพราะบางครั้งวันพระใหญ่ ดื่มไม่ได้ แต่นักท่องเที่ยวเข้ามา เขาไม่รู้เป็นวันพระ เนื่องจากคนละศาสนา ซึ่งเรื่องนี้ ก็ต้องมีการรับฟังและศึกษาโดยเร็ว

เมื่อถามว่า จะต้องพิจารณาการยกเลิกห้ามขายแอลกอฮอล์ในช่วงเวลา 14.00-17.00 น.ด้วยหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ต้องเอาข้อมูลมาชนกัน อะไรดี ไม่ดี เสียหาย ไม่เสียหายอย่างไร ก็ต้องมีการพูดคุยกันทั้งหมด