ศาลพิพากษา ยกฟ้อง “ตู้ห่าว” และพวก คดีอาชญากรข้ามชาติ ฟอกเงินและยาเสพติด ชี้พยานหลักฐานโจทก์ ไม่มีน้ำหนักเพียงพอ
วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ ศาลอาญากรุงเทพใต้ นัดฟังคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการ สำนักงานคดียาเสพติด 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายฮวง ไฮ่ เท่า จำเลยที่ 1 นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือตู้ห่าว เป็นจำเลยที่ 2 รวมกับพวกสัญชาติจีน ไทย กัมพูชาและบริษัทนิติบุคคลรวม 5 แห่ง มีจำเลย 23 คน ในความผิดฐานสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษประเภท 1 วัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 และประเภท 4 โดยกระทำการในลักษณะเป็นการกระทำขององค์กรอาชญากรรม, ร่วมกันจำหน่ายโดยมีไว้เพื่อจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 โดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และโดยมีอาวุธปืนทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชน
ร่วมกันจำหน่ายโดยมีไว้เพื่อจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 และประเภท 4 โดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและโดยมีอาวุธปืนทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชน, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน, เป็นอั้งยี่ มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเป็นสมาชิกหรือเครือข่ายดำเนินงาน ขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ โดยสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับใบอนุญาต, ร่วมกันรับคนต่างด้าวทำงานโดยคนต่างด้าวไม่มีใบอนุญาตให้ทำงาน โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย, ร่วมกันให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ ให้คนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม
โดยวันนี้ โจทก์-จำเลยทุกคน และทนายความ เดินทางมาศาล ซึ่งศาลได้จัดล่ามภาษาจีนไว้ด้วย ก่อนการพิพากษา ศาล อ่านและอธิบายคำฟ้องให้จำเลยทั้ง 25 คนฟัง ก่อนอ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยคำฟ้องระบุพฤติการณ์เบื้องต้นว่า การตรวจค้นผับจินหลิงซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุของตำรวจ ในช่วงปี 2565 พบ ชาวต่างชาติลักลอบเข้าเมืองกว่า 100 คนยาเสพติด อาวุธปืน และของกลางต่าง ๆ ตามบัญชีของกลาง ซึ่งคดีนี้ จากการสืบสวนสอบสวน โจทก์อ้างว่าพบความเชื่อมโยงในบัญชีการเงินของผับจินหลิง ซึ่งมีนายตู้ห่าว จำเลยที่ 2 และ จำเลยที่ 3 เป็นเจ้าของ กับสถานบริการในเมืองสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา คาดว่าเป็นการทำธุรกรรมโอนเงินซื้อขายยาเสพติด อีกทั้งยังมีพฤติการณ์เชื่อมโยงกับจำเลยทั้งหมด โดยพบว่า จำเลยที่ 1, 4 และ 5 ให้การรับสารภาพ แต่จำเลยที่เหลือให้การปฏิเสธ
ศาลพิเคราะห์แล้ว ไม่พบพยานหลักฐานหรือข้อเท็จจริงของโจทก์ที่ชี้ชัดได้ว่าจำเลยมารวมตัวกันและกระทำการเข้าข่ายเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ หรือเป็นอั้งยี่ เนื่องจากพยานหลักฐานของโจทก์มีน้ำหนักน้อย ไม่หนักแน่นเพียงพอ จำเลยทั้งหมดจึงไม่มีความผิดตามฟ้องในข้อหาดังกล่าว สำหรับคดีที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน ซึ่งมีความผิดมูลฐานจากคดียาเสพติด โดยพยานหลักฐานของโจทก์ไม่มีน้ำหนักมั่นคงมากพอที่จะทำให้รับฟังได้เนื่องจากฃการตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินในบัญชีธนาคารไม่สามารถแบ่งแยกได้ว่าเงินที่เข้ามาในบัญชีของจำเลยที่เกี่ยวข้อง เป็นเงินที่ได้มาจากการจำหน่ายยาเสพติดหรือการจำหน่ายอาหารเครื่องดื่มในสถานบริการได้ จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัย การกระทำของจำเลยทั้ง 25 ไม่มีความผิดฐานฟอกเงิน
ศาลอาญากรุงเทพใต้ พิพากษาจำเลยที่ 1/4 มีความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดและครอบครองอาวุธปืน ตามพ.ร.บ.ยาเสพติด / พ.ร.บ.อาวุธปืน 5 กระทง ลงโทษทุกกรรม จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 27 ปี 6 เดือน ปรับ 1,690,000 บาท
ส่วนจำเลย 5 มีความผิด 8 กระทง 5 กระทงแรก คือความผิดเดียวกับจำเลยที่ 1 และ 4 ส่วนกระทงที่ 6-8 เป็นความผิดเกี่ยวกับการจัดตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต และความผิดเกี่ยวกับแรงงานข้ามชาติ เบื้องต้นให้การรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 28 ปี 12 เดือน ปรับ 2,600,000 บาท ส่วนจำเลยที่ 7, 11 และ 12 พบมีความผิดฐานสนับสนุนและช่วยเหลือเกี่ยวกับผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับการจำหน่ายยาเสพติด 4 กระทง เบื้องต้นทั้งสามคนให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีอยู่บ้างจึงลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 21 ปี 24 เดือน ปรับ 1,766,666.66 บาท และให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2 /3 /6 /8 /9 /10 /13 /14/ 15/ 16/ 17/ 18/19/20/21/22/23/24 /25