วันที่ 11 ก.พ. 68 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ระบุว่าจะเรียกคนที่มีข้อกล่าวหามีส่วนพัวพันกับการกระทำผิดกฏหมายออกนอกพื้นที่ชายแดน ว่า เที่ยงวันเดียวกันนี้จะออกคำสั่ง ส่วนจะมีเท่าไหร่ เกี่ยวกับกระบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั้งหมดหรือไม่นั้น ยังไม่สามารถสรุปได้ แต่ให้ออกมาก่อนเพื่อที่จะทำงานได้สะดวก
เมื่อถามว่า มาตรการตัดไฟ ตัดน้ำมัน หนึ่งสัปดาห์ได้ผลอย่างไรบ้าง นายภูมิธรรม กล่าวว่า จากรายงานของหน่วยเฉพาะกิจราชมนูและหน่วยงานอื่น รวมถึงทางลับ ได้ผลดีพอสมควร อาจเกิดความปั่นป่วนบ้างบริเวณชายแดนพื้นที่เมียนมา เช่นการเดินขบวนไม่ใช่ความรับผิดชอบของเรา วันนี้เราต้องการกดดันผู้มีอำนาจในเมียน ว่าสิ่งที่เกิดในพื้นที่ของเขาสร้างความกระเทือนถึงประเทศไทย และเป็นผลสะเทือนถึงโลกด้วย เขาต้องกลับไปกดดัน ไม่ให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้พื้นที่เป็นแหล่งมั่วสุม ในพื้นที่พญาตองซู ก็ได้ผลักดันขับไล่กลุ่มจีนเทาออกจากพื้นที่ภายใน 28 ก.พ. และวันที่ 12 ก.พ. จะลงพื้นที่ปอยเปต กัมพูชา โดยเท่าที่ทราบขณะนี้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ลดขนาดลงดูจากการใช้ไฟที่ไม่เสถียร และอินเตอร์เน็ตมีปัญหาแม้เขาจะใช้ดาวเทียมวงจรต่ำ ตรงนี้เป็นปัญหาที่เราต้องกดดันต่อไป
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ในพื้นที่ปอยเปตเรารู้ตัวคนที่เกี่ยวข้องแล้ว เราได้รับรายชื่อของกลุ่มต่างๆ ทั้งในและนอกประเทศประมาณ 300 ถึง 400 เครือข่าย และดำเนินการตรวจสอบในทางรับอยู่ หากจะมาพูดหรือโวยวายอะไรต้องบอกว่ามีหลักฐาน เพราะเราจัดการตามกระบวนการนิติธรรม ไม่ใช่มาพูดตรงนั้นตรงนี้ และแนะนำไปเรื่อย ยืนยันถ้ามีหลักฐานชัดเราไม่ปล่อยแน่นอน แต่การพูดลอยๆ เจ้าหน้าที่ไปปฏิบัติไม่ได้เพราะ หากโดนฟ้องกลับเจ้าหน้าที่จะตายหมด ถ้าคิดว่าอะไรมีปัญหาให้เอามา อย่าไปจินตนาการ หรือไปเขียนข้างนอก ให้เอามายื่นเราจะจัดการ ถ้ามายื่นแล้วเราไม่จัดการให้เอาหลักฐานนั้นไปแฉให้ทุกคนดู ถ้าคิดว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสม แล้วเราไม่จัดการค่อยมาตำหนิ
เมื่อถามว่า คนไทยที่ถูกหลอกมีโอกาสที่จะช่วยออกมาหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรากำลังดำเนินการทุกทางที่จะกดดันให้ออกมา ตัวเลขที่จะส่งกลับมามีทั้งคนไทยและส่วนอื่น โดยเรามีเงื่อนไขว่าถ้าจะส่งมาที่ไทยประเทศต้นทางของเขาต้องพร้อมจะรับกลับไป ไม่เช่นนั้นรับมาแล้วมาอยู่ชายแดนของเราจะกลายเป็นค่ายอพยพ เวลานี้เอ็นจีโอที่อยู่ในค่ายอพยพไม่ได้มีเงินพอที่จะดูแล จะให้รัฐบาลไทยไปรับผิดชอบก็คงไม่ไหว เราได้คุยกับประเทศที่เกี่ยวข้องแล้ว สถานทูตที่มีบุคคลของเขาอยู่ในข่ายถูกหลอกไป พร้อมจะมารับคนของเขากลับ ทั้งยุโรป แอฟริกา ลาตินอเมริกา และเอเชีย
เมื่อถามถึง การถอนสัญชาติ กับคนที่เกี่ยวข้องกับตึก 25 ชั้นในปอยเปต นายภูมิธรรม กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติพยายามทำงานอยู่ ขอยกตัวอย่างกรณีรถขนยาเสพติดขับเข้ามา เราอาจไม่จับทันทีเพราะเจ้าหน้าที่ต้องการสะกดรอยตาม เพื่อให้ไปถึงจุดพักยา และสาวไปจนถึงเครือข่าย เพื่อจะนำไปสู่การยึดทรัพย์ หากเจอแล้วจับทันทีก็ไม่ได้อะไร อาจจะได้แค่คนรับจ้าง เป็นการตัดวงจร ทั้งนี้เรื่องการปราบกระบวนการคอลเซ็นเตอร์ไม่ได้มีกำหนดจะทำไปเรื่อยๆจนกว่าจะพอใจและตอบโจทย์ของเรา