“นายกฯอิ๊งค์”เตรียมลงพื้นที่ “อรัญประเทศ” ตรงข้าม “ปอยเปต”ศุกร์นี้ ลั่นยุทธการปิดจ๊อบแก๊งคอลเซ็นเตอร์‘ไม่จบ ไม่เลิกติดตามแก้ให้สิ้นซาก  “ภูมิธรรม” แย้มอาจมีลงดาบข้าราชการเอี่ยวอีกระลอก กังวลเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทะลักเข้าไทย หลังกลุ่มกระเหรี่ยงเมียนมา ดูแล 7 พันคนไม่ไหว เร่งประสานสถานทูตส่งกลับ


เมื่อวันที่ 25 ก.พ.68 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการในการประชุม ดังนี้ นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะ จะลงพื้นที่ด่านพรมแดนตำบลคลองลึก ใกล้ตลาดโรงเกลือ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับบ้านปอยเปต จังหวัดบันทายมีชัย ของประเทศกัมพูชา ในวันศุกร์ที่ 28 ก.พ.นี้ เพื่อติดตามปัญหาเรื่องคอลเซ็นเตอร์ ที่ได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลกัมพูชา โดยระบุว่า ปัญหาแก๊งคอลฯ รัฐบาลจะทำต่อเนื่องแบบ “ไม่จบ ไม่เลิก” จัดการเด็ดขาด

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า อย่างที่ทราบกันดีว่าปัญหาคอลเซ็นเตอร์เป็นปัญหาที่กระทบต่อพี่น้องประชาชนคนไทยเป็นอย่างมากและเกิดผลกระทบเป็นวงกว้าง ไม่ใช่เฉพาะภายในประเทศเท่านั้น แต่เป็นปัญหาระหว่างประเทศ โดยที่ผ่านมาได้ติดตามการทำงานของทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือว่าได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีในการจัดการปัญหาตามแนวชายแดนเมียนมา แต่เนื่องจากปัจจุบันปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ขยายไปยังพื้นที่อื่น ๆ เช่น ชายแดนลาว และกัมพูชา โดยขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ รายงานสถานการณ์ปัจจุบัน และมาตรการในการป้องกันปัญหาต่อ ครม

ทั้งนี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.กลาโหม รายงานว่าชายแดนฝั่งตะวันตกที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ได้ดำเนินการในส่วนของข้าราชการที่เกี่ยวข้อง โดยได้ลงโทษด้วยการโยกย้าย และตั้งกรรมการสอบเพื่อเอาผิดไปจำนวนหนึ่งแล้ว แต่ขณะเดียวกันฝ่ายสืบสวนคณะทำงานได้ติดตามตรวจสอบขยายผลว่ามีข้าราชการคนใดไปมีส่วนเกี่ยวข้องอีกบ้าง ซึ่งพบว่ายังมีอีกไม่น้อย ซึ่งกำลังรวบรวมเพื่อดำเนินการออกคำสั่งและลงโทษต่อไป 

“ขณะที่การประสานงานกับฝั่งประเทศเมียนมาได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานเรื่องของการส่งผู้ต้องสงสัยจำนวนมากที่ทางฝั่งเมียนมาจับกุมมาหลายพันคน ซึ่งเป็นคนหลากหลายสัญชาติ ไม่เหมือนกับจีนที่เมื่อคัดกรองทำประวัติเสร็จ ทางการจีนสามารถส่งเครื่องบินมารับได้ ทั้งนี้รัฐบาลไทยได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดเพื่อคัดกรองและแยกสัญชาติของกลุ่มคนเหล่านี้เพื่อแจ้งประเทศนั้น ๆ ต่อไป”

นายภูมิธรรม ยังรายงานอีกว่า นับจากนี้จะติดตามการปฏิบัติงานในการแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในภาคเหนือของไทย ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับประเทศลาว ส่วนที่ประเทศกัมพูชา ขณะนี้ได้รับการประสานงานจากรัฐบาลกัมพูชา และการออกกวาดล้างจับกุม ซึ่งได้รับความร่วมมือที่ดีระหว่างสองประเทศ และจะนำมารายงานในที่ประชุม ครม. ต่อไป

นายภูมิธรรม ยังกล่าวถึงกรณีการส่งตัวคนจีนจากเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา ล็อตที่ 2 ว่า ขณะนี้ทุกอย่างกำลังทำหน้าที่กระบวนการทางฝ่ายเมียนมา น่าจะจบลงได้เร็ว เพราะกำลังจะมีการประชุมไตรภาคีเร็วๆ นี้ ซึ่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตนเองได้หารือกับนายมาริษ  เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ ว่าจะมีการรประชุมในเร็ว ๆ นี้ กำลังประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งขณะนี้มีคนที่อยู่ในเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมาเพิ่มขึ้นมากจริง เราก็กำลังพิจารณาอยู่ เพราะสิ่งที่เราเป็นห่วงจำนวนคนที่ล้นอยู่ 7,000 คน ถ้าส่วนที่ดูแลเอาไว้ไม่อยู่ เขาปล่อยทิ้ง จะเป็นปัญหาที่ยุ่งยากกับเรา อันนี้อาจจะต้องมีกระบวนการพิจารณา หาทางประสานกับหน่วยงานต่าง ๆ ให้เร็วขึ้น

“เมื่อวานนี้ตนได้หารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ อยากให้ประสานประเทศต่าง ๆ มารับตัวไป ซึ่งทางจีนกำลังพิจารณาอยู่ ต้องมีการตรวจสอบไบโอเมตทริกซ์ ให้ชัดเจน และมีกระบวนการแยกคัดกรอง ถ้าเป็นไปได้ก็จะมีการประสานงาน และส่งกลับเพิ่มอีก ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละประเทศพร้อมแค่ไหนอย่างไร และขณะนี้ได้เตรียมการที่จังหวัดสระแก้ว เพื่อรับตัวคนไทยจากปอยเปต ประเทศกัมพูชา หลังจากสัปดาห์ที่แล้วตนเองได้ส่งพล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุต จเรตำรวจแห่งชาติ ที่ดูแลเรื่องนี้ไปพบกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติของกัมพูชา จึงได้เกิดการกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ขึ้น สามารถช่วยคนไทยได้จำนวนหนึ่ง แต่ขณะนี้ยังไม่ถูกส่งตัวกลับมา เพราะอยู่ในขบวนการคัดกรอง ต้องดูว่าเป็นเหยื่อหรือเป็นผู้มีส่วนร่วมในการประกอบอาชญากรรมระหว่างประเทศ เชื่อว่าน่าจะได้ข่าวดีเร็วๆนี้ และที่กัมพูชา ยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องทำ อยู่ระหว่างการประสานงาน เพราะเรื่องนี้ผู้ใหญ่ในรัฐบาลกัมพูชากับรัฐบาลไทยได้พูดคุยกันแล้ว คิดว่าน่าจะมีข่าวดีในการที่จะดำเนินการต่อ ซึ่งในวันศุกร์ ตนจะเดินทางไปในพื้นที่ชายแดนไทย - กัมพูชา เพื่อดูความพร้อมที่จะรองรับการแตกของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพราะตอนนี้มีการกระจายตัวใช้เส้นทางธรรมชาติ ใช้ทั้งรถไฟ รถทัวร์ หนีออกไปในจุดต่าง ๆ ซึ่งเราได้มีการวางกำลังไว้ และจับกุมตัวได้บ้างแล้ว ซึ่งเป็นระดับที่มีบทบาทในแก๊งคอลเซ็นเตอร์”

ส่วนกรณีที่ประเทศอินโดนีเซียได้ประสานจะเดินทางมารับตัวชาวอินโดนีเซีย 210 คนในเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา นายภูมิธรรม ระบุว่า เรื่องนี้เป็นไปตามนโยบายอยู่แล้ว เป็นเรื่องที่ประสานมาตั้งแต่ต้นว่าเราจะดำเนินการ แต่ยืนยันว่าจะไม่ให้เดินทางเข้ามาในประเทศไทย จนกว่าจะมีคนมารับ เพราะเข้ามาแล้วจะต้องมาอยู่ในส่วนกลางให้เรารับผิดชอบ ถ้าทางอินโดนีเซียก็ให้นัดวันเวลา ทางเมียนมาตรวจคัดกรองเรียบร้อย ทำทุกอย่างเสร็จตามกระบวนการตามกฏหมาย ก็สามารถส่งตัวได้เลย

ส่วนกรณีที่ชาวเอธิโอเปียยังตกค้างอยู่ในประเทศไทย และยังอยู่ที่มณฑลทหารบก 310 นั้น นายภูมิธรรม ระบุว่า หากเข้ามาประเทศไทย ก็ต้องถูกส่งตัวไปแล้ว ถ้ายังไม่เข้ามา ก็ยังไม่มีใครมารับ เพราะในส่วนของคนในทวีปแอฟริกาค่อนข้างลำบาก เพราะไม่มีสถานทูตอยู่ในประเทศไทย จึงต้องประสานกัน และหากระบวนการในการส่งตัวกลับประเทศคืน เพราะเราไม่ต้องการให้ความแตกตื่นตรงนั้นรุนแรง ถึงขั้นคนที่ดูแลแบกรับไม่ไหว และปล่อยกระจาย จะกลายเป็นปัญหาภายในของเรา ตอนนี้เรากำลังสกัดชายแดนทั้งหมด ตามนโยบาย Seal Stop Safe  จึงพยายามตรึงชายแดนไว้ หากส่วนใดที่เราปล่อยได้ เราก็จะคัดกรอง แต่ส่วนที่เป็นคนโยงใยไปถึงผู้ดำเนินการต่าง ๆ เราก็จะคัดกรองไว้อีก ขณะนี้กำลังโยนส่วนต่าง ๆ ให้มาถึงตัวในประเทศไทยด้วย เพราะมีบางส่วนเป็นเครือข่ายของคนไทย จึงขอดูรายละเอียดแล้วเราจะดำเนินการ ทั้งนี้ ตนคาดว่าจะมีการประชุมไตรภาคี ระหว่าง ไทย-เมียนมา-จีน ในต้นสัปดาห์หน้า

เมื่อถามถึงการตั้งศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ระหว่างประเทศ นายภูมิธรรม กล่าวว่า กำลังทำรายละเอียดอยู่ คาดว่า 1-2 วันนี้จะได้เห็น

ขณะที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ รายงานว่าขณะนี้ได้ดำเนินการในส่วนของการตัดสัญญาณสื่อสารที่ผิดกฎหมายในทุกแนวชายแดนที่มีแก๊งคอลเซ็นเตอร์อยู่แล้ว  และยังได้สั่งการให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้งของรัฐและเอกชนร่วมกันตรวจสอบ พร้อมทั้งลดความสูงของเสาส่งสัญญาณลง และหันสายอากาศกลับเข้ามาในประเทศไทย นอกจากนี้ยังจัดรถสายตรวจเพื่อสแกนความถี่โทรศัพท์มือถือที่ใช้ หากเป็นสัญญาณต่างประเทศเข้ามาในประเทศประเทศไทยก็จะบล็อกสัญญาณทันที