เมื่อเวลา 12.20 น. วันที่ 28 ม.ค. 68 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.นำเสนอแผนการจัดการปัญหาฝุ่น PM2.5 โดยแต่ละกระทรวงจะทำแยกกันไป ดังนี้ กระทรวงมหาดไทย สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศให้รับมือภัยพิบัติในครั้งนี้ ออกประกาศห้ามเผาให้มีการบริหารจัดการซังข้าวโพด ต้นอ้อยแห้ง ให้ใช้วิธีการฝังกลบแทนการเผา ทำปุ๋ยอินทรีย์ และการใช้เครื่องแพคฟาง ตลอดจนร่วมมือกับหน่วยงานความมั่นคงและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการเตรียมรับมือดับไฟป่า ขณะที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้ดูแลกลุ่มเปราะบางต่างๆโดยการให้หน้ากากอนามัย N95 และห้องคลีนรูมหรือห้องปลอดเชื้อเพื่อให้ผู้ป่วยและเด็กเล็กใช้บริการ
นายกฯ กล่าวว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ปฏิบัติการเชิงรุกที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยใช้งบกลางที่จัดสรรในการจัดจ้างบุคคลากรเข้ามาดูแลพื้นที่ ที่มีไฟป่า ทั้งนี้ครม. อนุมัติงบกลางปี 2568 ภายใต้มาตรการรับมือไฟป่าหมอกควัน และฝุ่นละออง ปี 2568 วงเงิน 620 ล้านบาท ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ซึ่งได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า และเร่งมือในการแก้ไขปัญหาและป้องกันสถานการณ์ฝุ่นควันที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่ต่างๆ
นายกฯ กล่าวว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต้องไม่ให้มีการเผาทุกพื้นที่การเกษตร ซึ่งถ้าหากพบเจอจะตัดการสนับสนุนเงินเยียวยาจากรัฐบาลตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.68 ถึง 31 พ.ค.69 นอกจากนี้ยังมีการใช้ปฏิบัติการฝนหลวงในการลดฝุ่นละอองในอากาศ ด้านกระทรวงคมนาคม อย่างที่ทราบว่ามีมาตรการให้ขึ้นรถเมลล์และรถไฟฟ้าฟรี 7 วันเพื่อเป็นการลดฝุ่น ซึ่งมีผู้ใช้บริการเป็นจำนวนเพิ่มขึ้นอีกมาก โดยสำรวจแล้วพบว่ารถบนท้องถนนลดลง 500,000 คันต่อวัน ช่วงนี้จึงรู้สึกได้ว่าในกทม.รถติดน้อยลงคงเป็นมาตรการนี้ช่วยได้เยอะ
นายกฯ กล่าวอีกว่า กระทรวงอุตสาหกรรม เร่งขอความร่วมมือโรงงานและสมาคมชาวไร่อ้อยไม่ให้รับอ้อยที่มาจากการเผาเกิน 25%ต่อวัน โดยกระทรวงอุตสาหกรรมปฏิบัติอย่างจริงจังและได้ผลเป็นอย่างดี สถิติเหลือเพียง 10%ต่อวัน และทุกโรงงานน้ำตาลให้ความร่วมมืออย่างดี นอกจากนี้การไม่เผาทำให้ใบอ้อยมีมูลค่ามากขึ้น เพื่อนำไปขายกับโรงงานที่ใช้ผลิตพลังงาน ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศ ได้ร่วมมือกับอาเซียนทำความร่วมมือกับลาว กัมพูชา เมียนมา และกรอบความร่วมมือในประเทศภูมิภาคเอเชียและร่วมมือกับกลุ่มลุ่มแม่น้ำโขง ร่วมมือทางด้านเทคนิคว่าเทคโนโลยีของแต่ละประเทศมีอะไรสามารถสนับสนุนซึ่งกันและกันได้
เมื่อถามว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ระบุว่ารัฐบาลมีแต่การสั่งงานแต่ยังไม่เห็นการติดตามงานหรืออะไรที่เป็นรูปธรรมจากสิ่งที่ได้สั่งไปแล้ว นายกฯ กล่าวว่า อย่างที่ได้รายงานไป ทุกกระทรวงมีการติดตามอย่างใกล้ชิด ก็เป็นงานของรัฐบาล และแต่ละกระทรวงที่ต้องตามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดยังไงก็สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ในแต่ละกระทรวงที่แจ้งไว้
“การได้รับความร่วมมือจากประเทศเพื่อนบ้านจะเร่งกระบวนการนี้ให้เร็วขึ้นแน่นอน อย่างฝุ่นของประเทศเราตอนนี้ถ้าดูจากจุดความร้อนของเราคือดีขึ้นอย่างเห็นได้ใช้ ซึ่งต้องขอความร่วมมือกันต่อไป และอย่างที่บอกว่าฝุ่นอยู่ในอากาศลมพัดมาลมพัดไป จากเรามาหาเขา จากเขามาหาเรา มันก็ทำให้ส่งผลกระทบทั้งหมดอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นต้องอาศัยความร่วมมือ และถ้าได้ความร่วมมือก็เกิดผลเร็วแน่นอน” นายกฯกล่าว