วันที่ 15 มกราคม 2568 ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเป็นเอกฉันท์มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยในคดีที่นายวินิจ  จินใจ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ว่าการกระทำของนายทะเบียนพรรคการเมือง ผู้ถูกร้องที่ 1 คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ผู้ถูกร้องที่ 2 นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ผู้ถูกร้องที่ 3 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ผู้ถูกร้องที่ 4  นายสนธิญา สวัสดี ผู้ถูกร้องที่ 5 พรรคพลังประชารัฐ ผู้ถูกร้องที่ 6 และพรรคภูมิใจไทย ผู้ถูกร้องที่ 7 ที่ดำเนินการต่อพรรคก้าวไกล เป็นการละเมิดสิทธิและเสรีภาพของผู้ร้องในฐานะอดีตสมาชิกพรรคก้าวไกล ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขัดหรือแย้ง ต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 มาตรา 4 มาตรา 5 มาตรา 25 และมาตราอื่นๆหรือไม่

ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้อง ไม่ปรากฏว่านายวินิจ ถูกละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพ และได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายจากการถูกละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพ โดยตรงจากการกระทำของนายทะเบียนพรรคการเมือง  และกกต.อย่างไร เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นของนายวินิจ ในฐานะอดีตสมาชิกพรรคก้าวไกลที่เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของนายทะเบียนพรรคการ เมืองและกกต.เท่านั้น กรณีไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 46 วรรคหนึ่ง ดังนั้น ผู้ร้องไม่อาจยื่นคำร้องดังกล่าวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213

ส่วนที่นายวินิจ กล่าวอ้างว่าการกระทำของผู้ถูกร้องที่ 3 ถึงผู้ถูกร้องที่ 7 เป็นการกระทำละเมิดสิทธิ หรือเสรีภาพของนายวินิจนั้น ผู้ถูกร้องที่ 3 ถึงผู้ถูกร้องที่ 7 มิใช่หน่วยงานของรัฐ เจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือหน่วยงาน ซึ่งใช้อำนาจรัฐ การกระทำของผู้ถูกร้องดังกล่าวมิใช่การ กระทำของหน่วยงานของรัฐ เจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือหน่วยงานซึ่งใช้อำนาจรัฐ กรณีไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561มาตรา 47 ซึ่งมาตรา 46 วรรคสาม บัญญัติให้ ศาลรัฐธรรมนูญสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณา ดังนั้น นายวินิจไม่อาจยื่นคำร้องดังกล่าวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213