ศาลปกครอง แจงข้อกฎหมายไม่ได้สั่ง "ยิ่งลักษณ์" จ่ายหมื่นล้าน คดีจำนำข้าว  ชี้เป็นมาตรการบังคับของกระทรวงการคลัง ศาลเพียงวินิจฉัยคำสั่งอายัด 3.5 หมื่นล้านไม่ชอบบางส่วน ด้าน อนุทิน เผยฟ้อง กุสุมาลวตี เรื่องอยู่ในชั้นศาลแล้ว ขอไม่พูด ขณะที่ สว.สำรอง บุก ป.ป.ช. จี้สอบจริยธรรม 92 สว. ยื่นร้อง ภูมิธรรม-ทวี ปมสอบฮั้วสว. ชี้ใช้อำนาจฝ่ายนิติบัญญัติแทรกแซงข้าราชการประจำ พร้อมยื่นศาลรัฐธรรมนูญสั่ง สว.พ้นหน้าที่
       
       
         ที่ศาลปกครอง วันที่ 26 พ.ค.68 สำนักงานศาลปกครอง ได้ชี้แจงข้อกฎหมายในการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีหมายเลขแดงที่ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และนายอนุสรณ์ อมรฉัตร ฟ้องนายกรัฐมนตรีกับพวกรวมเก้าคน ผู้ถูกฟ้องคดี ดังนี้ คดีในส่วนของนางสาวยิ่งลักษณ์ มีมูลเหตุมาจากกรณีที่มีคำสั่งกระทรวงการคลัง ที่ 1351/2559 ให้รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน เป็นเงิน 35,717,273,028.23 บาท อันเป็นคำสั่งทางปกครองที่ให้ชำระเงิน ซึ่งหากไม่ชำระ  กระทรวงการ คลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีอำนาจใช้มาตรการบังคับทางปกครอง โดยยึดหรืออายัดทรัพย์สินและขายทอดตลาดเพื่อชำระเงินตามคำสั่งได้ โดยไม่จำต้องฟ้องคดีต่อศาล ทั้งนี้ตามมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 และมาตรา 57 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539 ที่ใช้บังคับอยู่เดิม และมาตรา 63/7 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวที่แก้ไขใหม่ เมื่อเห็นว่าคำสั่งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายและฟ้องคดีต่อศาลปกครอง โดยมีคำขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งดังกล่าว คดีในส่วนนี้  จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐออกคำสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายที่ศาลปกครองมีอำนาจเพียงพิพากษาเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวทั้งหมดหรือบางส่วน 
        
 ทั้งนี้ศาลไม่มีอำนาจพิพากษาให้คู่กรณีฝ่ายผู้ฟ้องคดีรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ซึ่งคดีนี้ ศาลปกครองสูงสุดเห็นว่า คำสั่งพิพาทไม่ชอบด้วยกฎหมายบางส่วน จึงมีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งพิพาทเฉพาะส่วนที่ให้นางสาวยิ่งลักษณ์รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเกินกว่าจำนวน 10,028,861,880.83  บาท โดยศาลปกครองสูงสุดไม่ได้มีคำพิพากษาและออกคำบังคับให้นางสาวยิ่งลักษณ์ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 9 แต่อย่างใด
       
  คดีนี้ศาลปกครองสูงสุดนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2566 โดยตุลาการศาลปกครองสูงสุดที่นั่งพิจารณาได้ลงลายมือชื่อในร่างคำพิพากษาครบทั้ง 5 คนเรียบร้อยแล้ว ต่อมาประธานศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งให้นำคดีเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ซึ่งในการประชุมใหญ่นั้นจะประกอบด้วยตุลาการศาลปกครองสูงสุดทุกคนที่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ในขณะนั้น  ตุลาการศาลปกครองสูงสุดที่พ้นจากราชการไปแล้วจึงไม่อาจเข้าร่วมประชุมใหญ่ได้ ทั้งนี้คำวินิจฉัยของที่ประชุมใหญ่ จะเป็นไปตามเสียงข้างมากของที่ประชุม ต่อมา เมื่อมีการจัดทำคำพิพากษาตามมติของที่ประชุมใหญ่แล้ว ตุลาการในองค์คณะ 2 คนที่พ้นจากราชการไปแล้วจึงไม่อาจลงลายมือชื่อในคำพิพากษาได้  ซึ่งประธานศาลปกครองสูงสุดได้มีบันทึกกรณีตุลาการศาลปกครองสูงสุดมีเหตุจำเป็นไม่อาจลงลายมือชื่อได้ไว้ในคำพิพากษาแล้ว  ทั้งนี้ การดำเนินกระบวนพิจารณาและจัดทำคำพิพากษาดังกล่าวเป็นไปตามมาตรา 68และมาตรา  69 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 ส่วนการทำความเห็นแย้งนั้น ตุลาการศาลปกครองสูงสุดทุกคนในที่ประชุมใหญ่มีสิทธิทำความเห็นแย้งได้ตามมาตรา 67 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว  โดยปรากฏความเห็นแย้งและรายชื่อของตุลาการที่มีความเห็นแย้งอยู่ในคำพิพากษาแล้ว
       
  ด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการดำเนินการฟ้องนางกุสุมาลวตี ศิริโกมุท อดีตผู้สมัคร สว.ฐานที่ทำให้พรรคเสียหาย และใส่ร้ายบิดเบือนพรรค ว่า ตอนนี้ทนายความของพรรคภูมิใจไทยได้ดำเนินการแล้ว เป็นการป้องกัน การว่ากล่าวให้ร้ายของผู้อื่น ซึ่งตอนนี้เรื่องอยู่ที่ศาลแล้ว ส่วนผู้ฟ้องก็ได้ฟ้องไปที่ศาลแล้วเช่นกัน ทางพรรคจะไปดำเนินการให้การแก้ข้อกล่าวหา ส่วนที่ฟ้องกลับก็ดำเนินการตามกฎหมาย เมื่อเรื่องไปอยู่ที่ศาลแล้ว ก็ต้องหุบปากแล้วก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมที่เราต้องเคารพ
       
  ส่วนกรณีที่นางกุสุมาลวตี เตรียมฟ้องหมิ่นประมาทเรียกค่าเสียหาย 30 ล้านบาท ต่อนายอนุทิน นั้น อยู่ในคำฟ้องอยู่แล้ว ตอนนี้อยู่ระหว่างรอว่าศาลจะให้ไปเบิกความอย่างไร แต่ก็ต้องเตรียมตัวหาทนายความไปเป็นตัวแทนให้
       
  เมื่อถามถึงการร่วมงานโชว์วิสัยทัศน์ "ปราบปรามยาเสพติดข้าม มุมมองและความท้าทายต่อการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน" ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในวันที่ 27 พค.นั้น ตนไม่ได้ไป เพราะเขาไม่ได้เชิญ แต่พรุ่งนี้ตนจะไปส่งพี่น้องชาวมุสลิมร่วมพิธีฮัจญ์ ณ นครมักกะฮ์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ซึ่งปีนี้ได้ลดค่าใช้จ่าย จากที่ใช้งบกว่า 200,000 บาทเหลือประมาณ 180,000
       
  ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีคดีการให้เลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่มีนักวิชาการแสดงความเห็นว่าเป็นเกมตัวแทนระหว่างฝ่ายสีแดงและสีน้ำเงิน นายอนุทิน ตอบกลับว่า มันไม่มีตัวแทน เพราะไม่เกี่ยวข้องกับพรรคภูมิใจไทย ตนเป็น สส.และรัฐมนตรี ส่วนที่จะเกี่ยวข้องกับ สว. มีเพียงแค่การถูกเรียกไปตอบกระทู้ชี้แจง และพบกรรมธิการเท่านั้น
       
  ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คณะ สว. สำรอง นำโดย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว ยื่นร้องต่อ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ดำเนินคดีกับ สว. จำนวน 92 คน กรณียื่นคำร้อง ต่อ ป.ป.ช. เมื่อปลายเดือนที่แล้ว เอาผิด นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในเรื่องการทำคดีฮั้วเลือก สว. ไม่ถูกต้อง
     
    โดย พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า การยื่นร้องของ สว. ดังกล่าวนั้น เป็นการก้าวก่ายการทำงานของข้าราชการประจำ เข้าข่ายผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 185 (1) คณะ สว. สำรอง จึงเดินทางมายื่นต่อ ป.ป.ช. ในฐานความผิดมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
     
  ท่านก้าวก่ายการทำงานของนายภูมิธรรม พ.ต.อ.ทวี แม้ทั้งสองจะเป็นข้าราชการฝ่ายการเมือง แต่ถือว่าได้ดำรงตำแหน่งในฐานะประธาน และรองประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ จึงถือเป็นการดำเนินงานของฝ่ายข้าราชการประจำ ดังนั้น การที่ท่านมาก้าวก่ายฟ้องร้อง คิดว่าท่านใช้อำนาจฝ่ายนิติบัญญัติกระทำการเพื่อประโยชน์ของตัวเอง ถือเป็นการกระทำผิดตามมาตรา 185 (1) และอาจถือว่าผิดตามมาตรา 111(7) ทำให้หมดสมาชิกสภาพการเป็นสว.ได้เลย เมื่อขาดจริยธรรม พล.ต.ท.คำรบ ระบุ
     
    นอกจากนี้ เราได้ไปฟ้องต่อศาลรัฐธรรมนูญแล้ว แต่ปรากฏว่าศาลยกคำร้อง จึงจะเดินทางไปยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอให้มีการทบทวนเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่ง และคาดหวังว่าศาลจะมีการพิจารณาเรื่องนี้โดยเร็ว และสั่งให้ สว. ทั้ง 92 คน หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวก่อน ที่จะมีการพิจารณาแต่งตั้งองค์กรอิสระที่มีการบรรจุวาระไว้แล้วในสิ้นเดือนนี้
   
      ส่วนกรณีคลิปเสียงเกี่ยวกับการเสนอเงินให้เพื่อดำเนินการเพื่อเลือก สว. ในพื้นที่ จ.นครพนมนั้น พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า เรื่องคลิปเสียงนั้นไม่ได้มีโดยตรง แต่ที่อื่นอาจจะมีรวมถึงเรื่องคลิปเรื่องภาพต่างๆ ซึ่งมีมากมาย และที่อยู่ในกระบวนการตรวจสอบของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และดีเอสไอ รวมถึงการเรียกผู้เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลเพิ่มเติม ส่วนรายละเอียดตนอาจจะรู้ไม่มากนัก อาจเป็นเรื่องความลับในสำนวน เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตามยืนยันว่า คลิปเสียงดังกล่าวไม่ได้มาจาก สว. สำรอง