EngCatcher เผยคอร์สเรียนภาษาออนไลน์กำลังโต ขานรับกระแส Learn from Anywhere ชวนคนไทยเรียนนอกกรอบ แบบไม่อิงแกรมมาร์
ช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา โลกยุคใหม่ปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเห็นได้ชัด แพลตฟอร์มออนไลน์ กลายมาเป็นความหวังใหม่ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ได้อย่างลงตัว รวมถึงการเรียนภาษาอังกฤษ ก็ปรับจากห้องเรียนมาอยู่หน้าจอแทนเช่นกัน ทั้งสะดวก ประหยัดเวลา สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ และรูปแบบการเรียนก็หลากหลายยืดหยุ่นได้ แต่ที่โดดเด่นและแตกต่างจาก คอร์สออนไลน์อื่น ๆ ก็เห็นจะมีคอร์สเรียนออนไลน์จาก EngCatcher ทางลัดสู่ความสำเร็จของคนทุกวัย ที่ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการถ่ายทอดประสบการณ์ ออกมาเป็นการเรียนออนไลน์ที่เหมาะกับคนไทยอย่างมีประสิทธิภาพ
“ทุกวันนี้ธุรกิจสอนภาษาอังกฤษในประเทศไทยเรียกว่าอยู่ในช่วงขาขึ้นเพียงแต่เรายังต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ ซึ่งเราจะมองว่า มันเป็น โอกาส หรือ ความท้าทาย ก็ได้” นางสาวเกตุมณี นิมมานเหมินท์ กรรมการผู้จัดการ EngCatcher และ Trans World Education (TWE) กล่าวไว้ ในฐานะที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการการศึกษามา 15 ปี
นางสาวเกตุมณี นิมมานเหมินท์ ขยายความต่อถึงภาพรวมของแวดวงธุรกิจการเรียนการสอนภาษาอังกฤษว่า “ธุรกิจการเรียนการสอนภาษาอังกฤษในไทยได้ปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัลแบบเต็มตัว สอดรับกับนโยบายส่งเสริมการเรียนรู้ดิจิทัลของรัฐบาล ซึ่งมีส่วนสำคัญในการเร่งการเติบโตของตลาด ทำให้การเรียนการสอนมีให้เลือกหลากหลาย ทั้งแบบออนไลน์และการเรียนรู้แบบผสมผสาน (ในห้องเรียนและเรียนออนไลน์) และตลาดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษออนไลน์ ก็เติบโตเร็วมากช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากปัจจัยการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่แพร่หลายมากขึ้น บวกกับการพัฒนาด้านอุปกรณ์ดิจิทัลและพฤติกรรมของผู้บริโภคเองที่เปลี่ยนไป รูปแบบออนไลน์จึงตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ที่ Learn Smart, Spend Less เลือกเรียนรู้และ ลดค่าใช้จ่าย ทุกคนสามารถเข้าถึงเนื้อหาคุณภาพสูงได้ในราคาที่เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน
สำหรับ EngCatcher เอง เราเริ่มต้นจากการที่อยากแก้ปัญหาผู้เรียนของเรากว่า 1,000 คน ที่มีอายุตั้งแต่ 12 – 60 ปี พวกเขามีความต้องการที่คล้ายกัน คือ อยากสื่อสารได้ โดยไม่ต้องการเรียนไวยากรณ์ เนื่องจากส่วนใหญ่เรียนในระบบมานานกว่า 20 ปีแล้ว แต่ก็ยังติดขัดเมื่อต้องใช้งานจริง เราเองก็ไม่ได้แอนตี้แกรมมาร์นะ แต่เราเชื่อว่าผู้เรียนจะรู้ดีว่า พวกเขาต้องการและขาดอะไร เรามีโอกาสได้พูดคุยเชิงลึกทุกวันกับผู้เรียน โดยพบว่า 80% ของผู้เรียนประสบปัญหาด้านการสื่อสารเนื่องจากการเน้นเรียนไวยากรณ์ตั้งแต่แรก ซึ่งทำให้ขาดความคล่องแคล่วในการใช้ภาษา เราจึงออกแบบกิจกรรมเพื่อแก้ปัญหาตรงนี้โดยมุ่งเน้นพัฒนาทักษะที่ใช้งานได้จริง (Competency-based Learning) ให้ผู้เรียนสามารถนำความรู้ไปใช้ในสถานการณ์ต่างๆ ที่เราสร้างขึ้นหลายร้อยรูปแบบ หลังจากนั้นจึงต่อยอดพัฒนาระบบ Interactive Online โดยใช้สตอรี่ (Story-based Learning) เป็นหนังหรือคลิปสั้นที่เราสร้างถ่ายทอดจากประสบการณ์ของผู้เรียน ออกมาเป็นสื่อที่คนไทยหรือเพื่อนบ้านดูแล้วเข้าใจได้ง่ายแน่นอน เพราะ เรา based จากประสบการณ์ของพวกเขาเอง มันจึงไม่ใช่จากมุมมองของผู้ที่ได้ภาษาแล้วเพียงอย่างเดียว ซึ่งผลตอบรับก็ดีมาก สิ่งที่ผู้เรียนได้ มันไม่ใช่แค่คะแนนสอบดีขึ้น แต่เป็นความสำเร็จหลายๆ ด้าน ตามเป้าหมายที่พวกเขาต้องการ ดังนั้น เราเชื่อว่า ทิศทางของเราทำตามได้ไม่ยากและสามารถทำได้จริง เพราะมันไม่ฝืนธรรมชาติ เรามุ่งเน้น Fluency before Accuracy คือ คล่องก่อนถูกต้อง ให้สอดคล้องกับวิธีที่เด็กเรียนรู้ภาษาแม่ โดยแกรมมาร์ควรเป็นเครื่องมือเสริมไม่ใช่เป้าหมายหลัก เราไม่ได้บอกให้ทิ้ง แต่สามารถเรียนรู้ภายหลังได้ เพราะการยึดติดกับไวยากรณ์ตั้งแต่แรกอาจทำให้ผู้เรียนรู้สึกกังวลและกลัวที่จะใช้ภาษา จนทำให้เสียโอกาสในชีวิตไปได้เลย”
จากภาพรวมของตลาดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษดังกล่าว และความมุ่งมั่นที่อยากนำเสนอรูปแบบวิธีการแก้ไขปัญหาด้านภาษาแนวใหม่ ส่งผลให้ EngCatcher แตกต่างและโดดเด่นขึ้นมาจากคอร์สเรียนภาษาเจ้าอื่น ๆ “เพราะเราต้องการให้ผู้เรียนเข้าใจรูปแบบและค่อยเป็นค่อยไป เราจึงดีไซน์สเต็ปการเรียนไว้เป็น 2 คอร์ส กับ 5 ขั้นตอน คือ 2 คอร์สหลัก จะครอบคลุมภาษาพูดในชีวิตประจำวันและการทำงาน ได้แก่ Social English : ภาษาอังกฤษพร้อมเข้าสังคม ฉบับสถานการณ์จริงและ Work-Ready English : ภาษาอังกฤษสำเร็จรูปพร้อมทำงาน ส่วนอีก 5 ขั้นตอน เราวางไว้เพื่อลดความเครียดให้ผู้เรียนด้วย Play-based Learning เป็นวิธีการสอนเฉพาะของเราเองที่ใช้ได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เรียนรู้ควบคู่กับความสนุกไปพร้อมกันไม่ว่าจะเป็น 1. Movie Class ดูหนังและเข้าใจสตอรี่ เพื่อฝึกฟังจับใจความแบบชีวิตจริง 2. Teaching Class เรียนรู้กลุ่มคำและประโยคจากสตอรี่ ผู้เรียนจะมี E-Book ภาพสีให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นสามารถเก็บไว้ทบทวนได้ตลอดเวลา 3. Speaking ฝึกพูดเสมือนจริง ฝึกฟังและโต้ตอบในสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างเป็นธรรมชาติ 4. Listening ฝึกฟังอย่างเต็มประสิทธิภาพ เล่นเกมที่เชื่อมโยงกับสถานการณ์จริงให้ฝึกฟังสำเนียงหลากหลายที่มีความเร็วเท่าการพูดปกติ และ 5. Assessment แบบทดสอบขั้นสุดท้าย วัดผลว่าผู้เรียนสามารถประยุกต์ใช้ภาษาในสถานการณ์จริงได้หรือไม่ เป็นต้น
“จะเห็นว่า เนื้อหาเราตั้งใจคัดมาไม่ให้มากจนนำไปใช้จริงไม่ได้ เน้นบทสนทนาโต้ตอบ พูดแบบนี้ตอบแบบไหนดี ไม่ต้องพูดประโยคสวยหรูก็ได้ EngCatcher เรากำลังจะเปลี่ยนค่านิยมของคนไทยและผู้สนใจภาษาว่าการใช้คำใช้ศัพท์ยาก จะทำให้ดูดีดูน่าเชื่อถือ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ คือการพูดให้อีกฝ่ายเข้าใจง่าย เหมาะกับสถานการณ์และสื่อความหมายได้ชัดเจน ซึ่งมักทำให้การสื่อสารมีความเป็นกันเองมากขึ้นด้วยซ้ำ”
ท้ายที่สุดนี้ ยังได้ตอกย้ำถึงคำพูดที่ว่า ภาษา คือหนทางสู่การเพิ่มโอกาสและเป็นใบเบิกทางของความสำเร็จ “เห็นด้วยอย่างมาก การที่เราจะจับความสำเร็จให้อยู่หมัดได้นั้น ภาษาอย่างเดียวอาจไม่พอ ต้องมีการสร้างความสัมพันธ์ (Connect) เราต้องใช้ภาษาเป็นเครื่องมือเชื่อมใจคน ดังนั้นการใช้ภาษาในการสื่อสาร เพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์ให้เกิดผลลัพธ์อย่างใดอย่างหนึ่ง จึงเป็นโอกาส เป็นใบเบิกทางของความสำเร็จ และเป็นทางรอด ไม่ใช่ทางเลือกในโลกอนาคต สุดท้ายแล้วเราเห็นว่าการไม่ยึดติดกับความสมบูรณ์แบบ คือ กุญแจสำคัญของความสำเร็จ เราต้องไม่เป็นน้ำเต็มแก้ว และพร้อมเรียนรู้อย่างสม่ำเสมอค่ะ” นางสาวเกตุมณี กล่าวทิ้งท้าย.