เมื่อวันที่ 31 ธ.ค.67  นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โพสต์เฟซบุ๊กระบุข้อความว่า

ในปี 2567 ที่กำลังจะผ่านไปนี้ สำหรับผมถือว่ารวดเร็วมาก เพราะยังมีภารกิจอีกหลายอย่างและมีอีกหลายเรื่องที่ต้องใช้เวลาเพื่อ "พัง" การผูกขาด!!  "พัง" ระบบที่เน่าเฟะ!! และ "พัง" การโกงกินทุกรูปแบบ!! รวมทั้งการ "รื้อ ลด ปลด สร้าง" ระบบพลังงานไทย เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับความเป็นธรรม และมีความมั่นคงด้านพลังงานอย่างยั่งยืน  แต่ในปีที่ผ่านมา ก็มีภารกิจหลายอย่างที่ได้ดำเนินการลุล่วงแล้วในแผนบันได 5 ขั้นของผม ซึ่งขออนุญาตสรุปมาเรียนพี่น้องประชาชนใน 10 เรื่องสำคัญ ๆ ดังนี้ครับ

1.ตรึงค่าไฟที่ 4.18 บาท/หน่วย และ 3.99 บาท/หน่วย (สำหรับผู้ใช้ไฟไม่เกิน 300 หน่วย/เดือน) ตลอดปี 2567 และปรับราคาค่าไฟฟ้าลงเหลือ 4.15 บาท ต่อหน่วย ตั้งแต่มกราคม-เมษายน 2568 จากที่จะต้องปรับขึ้นเป็น 5.49 บาทต่อหน่วย เพื่อใช้คืนหนี้ค่าเชื้อเพลิงที่ ปตท. และ กฟผ. รับภาระแทนประชาชนก่อนหน้านี้ 

2. ตรึงราคาน้ำมันดีเซลที่ 33 บาท/ลิตร ตลอดปี 2567 และร่วมมือกับกลุ่มบริษัท ซัสโก้ จำกัด (มหาชน) ลดราคาน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 1 บาท เนื่องในโอกาสวันพ่อแห่งชาติและวันชาติ เป็นเวลา 1 เดือน ตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2567 – 5 มกราคม 2568  ณ สถานีบริการจำหน่ายน้ำมันของ ซัสโก้ (SUSCO) และ ไซโนเปค (SINOPEC) ทั้ง 158 แห่ง

3. ตรึงราคาก๊าซหุงต้มที่ 423 บาท ต่อถังขนาด 15 กก. ตลอดปี 2567 และให้ตรึงราคาต่อไปจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2568  เพื่อไม่ให้กระทบต่อภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานของพี่น้องประชาชน

4. ออกประกาศกระทรวงพลังงานกําหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจค้าน้ำมันต้องแจ้งต้นทุนราคาน้ำมันให้กระทรวงพลังงานทราบเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ธุรกิจค้าน้ำมัน โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน 2567 เนื่องจากที่ผ่านมาผู้ประกอบการอ้างว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นความลับ ทำให้กระทรวงพลังงานขาดข้อมูลที่ถูกต้องในการกำกับดูแลราคาพลังงานให้เกิดความเป็นธรรม

5. ร่างกฎหมายว่าด้วยการกำกับการประกอบกิจการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซ เพราะกฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบันมุ่งส่งเสริมการประกอบกิจการมิใช่มุ่งคุ้มครองประชาชน  แต่กฎหมายฉบับนี้จะกำกับดูแลการประกอบกิจการให้เป็นธรรมกับประชาชน โดยกำหนดให้การปรับราคาน้ำมันทำได้เดือนละหนึ่งครั้ง ไม่ใช่ปรับทุกวันตามอำเภอใจของผู้ค้า และให้ปรับราคาได้ตามความเป็นจริงของต้นทุนน้ำมันที่พิสูจน์ได้  อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการขนส่ง ผู้ให้บริการและองค์กรสาธารณกุศล รวมไปถึงสมาคมของเกษตรกร และชาวประมง สามารถจัดหาน้ำมันมาใช้ได้เองซึ่งจะทำให้ต้นทุนถูกลง และยังจะจัดให้มีน้ำมันราคาถูกสำหรับผู้มีรายได้น้อยด้วย  ร่างกฎหมายฉบับนี้กำลังเตรียมเข้าสู่การรับฟังความคิดเห็นของประชาชนตามขั้นตอนของการออกกฎหมายก่อนที่จะนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป 

6. ห้ามตัดไฟบ้านที่มีผู้ป่วยติดเตียงหรือผู้ป่วยที่ต้องใช้ไฟฟ้าในการรักษา โดยเป็นการทำงานแบบบูรณาการระหว่างกระทรวงสาธารณสุข การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เพื่อให้ผู้ใช้พลังงานที่มีผู้ป่วยที่อยู่ในความดูแลได้รับการยกเว้นการงดจ่ายไฟฟ้าในทุกกรณี

7. ผลักดันร่างกฎหมายส่งเสริมปาล์มน้ำมัน เพื่อเป็นการรองรับในอีก 2 ปีข้างหน้า เมื่อกองทุนน้ำมันต้องหยุดชดเชยการผสมน้ำมันปาล์มในเนื้อน้ำมัน เพื่อดูแลเกษตรกรผู้ผลิตปาล์มน้ำมันให้ได้ค่าตอบแทนผลผลิตที่เป็นธรรมและถูกต้อง รวมทั้งสายการผลิตที่จะนำผลปาล์มน้ำมันไปต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ให้มีการแบ่งปันผลประโยชน์ที่ดีกว่าในปัจจุบัน  โดยจะใช้รูปแบบเหมือนกฎหมายอ้อยและน้ำตาล

8. ปลดล็อก “โซลาร์รูฟท็อป” ช่วยคนไทยเข้าถึงพลังงานสะอาด  ด้วยการผลักดันกฎหมายส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่ออำนวยความสะดวกในการติดตั้งระบบโซลาร์  ซึ่งจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าและปลดเปลื้องพันธนาการชีวิตกับความผันผวนของราคาไฟฟ้าหลัก โดยพรรครวมไทยสร้างชาติได้เสนอกฎหมายนี้เข้าสภาผู้แทนราษฎรแล้วเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา

9. พัฒนาต้นแบบเครื่องอินเวอร์เตอร์(Invertor) สำหรับใช้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในราคาถูก โดยคาดว่ากระทรวงพลังงานจะนำผลิตภัณฑ์นี้ออกจำหน่ายได้ในปี 2568  ด้วยราคาเพียง 1 ใน 4 ของราคาที่จำหน่ายทั่วไปในปัจจุบัน  ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ประชาชนประหยัดค่าใช้จ่ายด้านนี้แล้ว ยังจะช่วยสร้างอาชีพใหม่ โดยกระทรวงพลังงานจะจัดอบรมผู้ที่สนใจจะประกอบอาชีพรับติดตั้งระบบไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์  อีกทั้งจะหาระบบเงินทุนสำหรับการติดตั้งระบบไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และสามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้ด้วย 

10. เร่งจัดตั้งระบบสำรองน้ำมันและก๊าซเชิงยุทธศาสตร์เพื่อความมั่นคงของประเทศ หรือ SPR (Strategic Petroleum Reserve) โดยจะนำระบบนี้มาแทนที่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง และจะเปลี่ยนจากการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเป็นหลัก เป็นการเก็บน้ำมันจากผู้ค้าน้ำมันเข้ากองทุนเป็นหลักแทน ซึ่งจะทำให้ราคาน้ำมันลดลงทันที และยังจะทำให้เรามีกองทุนสำรองน้ำมันเพื่อความมั่นคงของประเทศหรือ SPR ที่ไม่เคยมีมาก่อนด้วย  ระบบนี้จะเป็นพลิกโฉมกองทุนน้ำมันฯ ที่ใช้เงินและสร้างหนี้สาธารณะให้ประเทศ ให้กลายมาเป็นกองทุนที่สร้างทรัพย์สินให้ประเทศ และทำให้ประเทศมีความมั่นคงด้านพลังงานอย่างยั่งยืน

ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ผมได้ทำแล้ว และจะทำเพิ่มอีกเพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชน  ซึ่งผมต้องขอขอบคุณทุกท่านทุกฝ่ายที่ทุ่มเทความรู้ความสามารถ แรงกายแรงใจเพื่อช่วยดำเนินการให้ภารกิจเหล่านี้สำเร็จลุล่วงได้ตามเป้าหมาย

สุดท้าย ผมขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ช่วยสนับสนุนและเป็นกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ของผมตลอดมา และในโอกาสส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่นี้ ผมขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์ทั้งหลายที่ท่านนับถือ โปรดดลบันดาลอภิบาลให้ทุกท่านประสบแต่สิ่งที่ดี มีความสุข ความเจริญก้าวหน้า ตลอดปีและตลอดไปครับ

สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๘ ครับ