เมื่อรัฐมนตรีพลังงานอย่าง “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” ลุกขึ้นผ่าระบบพลังงานไทย ตั้งเป้าทลายต้นทุนแฝงจาก “ค่าความพร้อมจ่าย” ที่ทำให้คนไทยต้องจ่ายค่าไฟแพงโดยไม่จำเป็น ภารกิจครั้งนี้จะหยุดปัญหาที่สะสมมานานได้จริงหรือไม่?

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา “ค่าไฟฟ้า” กลายเป็นหนึ่งในปัญหาหนักของทั้งครัวเรือนและภาคธุรกิจ โดยเฉพาะในปี 2567-68 ที่ค่าไฟเฉลี่ยในบางช่วงทะลุระดับ 4.50 บาทต่อหน่วย ทำให้เกิดแรงต้านจากประชาชนทุกภาคส่วน และนำไปสู่การตั้งคำถามอย่างจริงจังต่อโครงสร้างต้นทุนค่าไฟฟ้าของประเทศไทย

ค่าความพร้อมจ่ายคืออะไร ทำไมคนไทยต้องจ่าย?

หนึ่งในต้นเหตุสำคัญที่ถูกหยิบยกขึ้นมามากที่สุด คือ “ค่าความพร้อมจ่าย” หรือ Capacity Payment ซึ่งเป็นค่าตอบแทนที่รัฐหรือการไฟฟ้าต้องจ่ายให้แก่โรงไฟฟ้า โดยเฉพาะกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชน (IPP) เพื่อให้โรงไฟฟ้าเหล่านั้น “พร้อมเดินเครื่องทันที” หากระบบต้องการ แม้ในความเป็นจริงโรงไฟฟ้าจะไม่ได้เดินเครื่องผลิตไฟเลยตลอดทั้งปี

ระบบนี้มีที่มาจากความจำเป็นในการรักษา “ความมั่นคงทางพลังงาน” เพราะระบบไฟฟ้าไม่สามารถกักเก็บได้เหมือนสินค้าอื่น เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินหรือฤดูที่ใช้ไฟสูง ระบบต้องมีไฟสำรองพร้อมเสมอ แต่คำถามสำคัญคือ “ประเทศไทยสำรองมากเกินไปหรือไม่?”

ไฟฟ้าสำรองมากไป ทำไมจ่ายไม่ไหว?

ตามหลักสากล ระบบไฟฟ้าที่มั่นคงควรมีกำลังการผลิตสำรองที่ 15-20% ของความต้องการสูงสุด แต่ไทยในปี 2567 กลับมีไฟฟ้าสำรอง เกินกว่า 40% ซึ่งเกินความจำเป็นอย่างมีนัยยะ

เมื่อกำลังการผลิตส่วนเกินจำนวนมากเหล่านี้ผูกติดกับสัญญา PPA แบบการันตีรายได้ ทำให้รัฐต้องจ่าย “ค่าความพร้อมจ่าย” ให้โรงไฟฟ้าที่ไม่ได้ผลิตไฟจริงๆ และต้นทุนนี้ก็ถูกผลักมาสู่ผู้ใช้ไฟอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ ผ่านบิลค่าไฟรายเดือน

มีข้อมูลระบุว่า ค่าความพร้อมจ่ายในปี 2566 อยู่ที่ มากกว่า 1 แสนล้านบาทต่อปี และยังมีแนวโน้มพุ่งขึ้นอีก หากมีการเปิดโรงไฟฟ้าใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยไม่สอดคล้องกับอัตราการใช้ไฟจริง

ใครได้ประโยชน์จากโครงสร้างนี้?

1.ผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชน (IPP และ SPP): ได้รับประโยชน์เต็ม ๆ จากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวที่มีการันตีรายได้ แม้ไม่มีการผลิตไฟจริง

2.นักลงทุนรายใหญ่: ทั้งในและต่างประเทศ ที่ถือหุ้นในกิจการโรงไฟฟ้า

3.กลุ่มผู้มีอำนาจทางนโยบายบางกลุ่ม: ที่เกี่ยวข้องกับการวางแผนระบบไฟฟ้าและการจัดทำสัญญา PPA ซึ่งอาจมีความเกี่ยวโยงกับภาคธุรกิจ

ขณะที่ผู้แบกรับภาระคือ ประชาชนทั่วไป และ SMEs ที่ต้องจ่ายค่าไฟสูงขึ้นอย่างไม่เป็นธรรม

พีระพันธุ์ “เปิดเกมผ่าระบบ”

ท่ามกลางแรงกดดันจากสังคม นาย พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้เปิดฉาก “ผ่าระบบพลังงาน” เพื่อแก้ไขปัญหาค่าไฟแพงอย่างเป็นระบบ โดยเน้นไปที่การลดต้นทุนค่าความพร้อมจ่ายและการปรับเงื่อนไขสัญญา PPA กับภาคเอกชน

มาตรการที่น่าสนใจ ได้แก่:

🔍 เปิดเผยสัญญา PPA เพื่อให้สังคมสามารถตรวจสอบเงื่อนไขการรับซื้อไฟจากเอกชน

✂️ ยุติสัญญา SPP แบบไม่มีกำหนดอายุ ที่เป็นภาระระยะยาวแก่รัฐ

⚖️ เจรจาลดค่า AP/EP (Availability Payment / Energy Payment) เพื่อให้ค่าไฟสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง

☀️ สนับสนุนพลังงานแสงอาทิตย์ภาคประชาชน ผ่านแนวทาง “แจ้งเพื่อทราบ” แทนระบบขออนุญาตแบบซับซ้อนเดิม

🌊 เพิ่มสัดส่วนพลังน้ำจากลาว ซึ่งมีต้นทุนถูกลง และเป็นพลังงานสะอาด

นอกจากนี้ กระทรวงพลังงานยังได้ผลักดันให้ครม.มีอนุมัติให้ประชาชนสามารถนำเงินลงทุนในการติดตั้งระบบ Solar Rooftop มาหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในวงเงินที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 200,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)  เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนลงทุนติดตั้ง Solar Rooftop เพิ่มการใช้พลังงานทดแทนและลดภาระค่าไฟฟ้าในครัวเรือน

พร้อมกันนี้นี้ รัฐมนตรีพลังงานยังประกาศเป้าหมาย ตรึงราคาค่าไฟไม่ให้เกิน 3.99 บาทต่อหน่วย ภายในปลายปี 2568 และลดลงต่อเนื่องในระยะยาว

ข้อเสนอจากภาควิชาการและภาคประชาชน

แม้มาตรการของรัฐบาลจะได้รับเสียงสนับสนุน แต่ก็ยังมีข้อเสนอจากหลายฝ่ายที่เรียกร้องให้รัฐ:

📉 ปรับแผนพัฒนากำลังผลิต (PDP) ให้สอดคล้องกับความต้องการใช้ไฟจริง

🔄 เปิดตลาดไฟฟ้าเสรี เพื่อลดการผูกขาดของกลุ่มทุน

🛑 ยกเลิกระบบ Take-or-Pay ที่เป็นภาระสะสม

🔋 ส่งเสริมการผลิตและกักเก็บพลังงานในชุมชน เพื่อกระจายอำนาจการผลิต

ข้อเสนอเหล่านี้สะท้อนความพยายามสร้างระบบพลังงานที่โปร่งใส ยั่งยืน และยุติธรรมมากขึ้น

ถึงเวลาผ่าตัดระบบ ไม่ใช่แค่แก้ปลายเหตุ

โครงสร้างพลังงานไทยต้องการการปฏิรูปลึกมากกว่าการแก้ไขเฉพาะหน้า เพราะระบบที่ให้ผลประโยชน์กับคนส่วนน้อย แต่ผลักภาระให้ประชาชนส่วนใหญ่ คือระบบที่ไม่ยั่งยืน

คำถามสำคัญที่รัฐต้องตอบไม่ใช่แค่ “ค่าไฟจะลดหรือไม่” แต่คือ “ระบบไฟฟ้านี้ สร้างเพื่อใคร?”

และนี่อาจเป็นภารกิจสำคัญที่สุดของพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ในฐานะผู้กล้าที่จะผ่ากลไกที่ฝังรากมานานในระบบพลังงานไทย

                                           

#พีระพันธุ์สาลีรัฐวิภาค#ค่าความพร้อมจ่าย#ค่าไฟแพง#ผ่าระบบพลังงาน#พลังงานไทย2568#กระทรวงพลังงาน #หยุดค่าไฟแพง#ปฏิรูปพลังงาน#โรงไฟฟ้าสำรอง#ไฟฟ้าเพื่อประชาชน