มิค บรมวุฒิ และ ซินแสเป็นหนึ่ง ที่วันนี้มาเปิดความสนิท เพราะว่าเจอคนเม้าท์แรง ซินแสเป็นหนึ่งของปลอม ไม่เก่ง ไม่แม่น และเปิดปมในใจที่ค้างคามานานกว่า 6 ปี แถมซินแสเป็นหนึ่ง ยังถูกกล่าวหาว่าทำของใส่ศิลปินดังอีกด้วย โดยทั้งคู่มาเปิดใจ ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่องOne31 ที่มีหนิง ปณิตา และ ดีเจพุฒ พุฒิชัย เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

 

จุดเริ่มต้นของความสนิทมาได้ยังไง ?

ซินแสเป็นหนึ่ง : ก่อนหน้านี้เคยไปออกรายการ แล้วก็บอกว่าอาจารย์ผมอยากได้ป้าย

มิค : เรื่องนี้ผิดแล้ว คือเรื่องมันเป็นอย่างนี้ งานแต่งหนูเล็ก แล้วผมก็ไปเจออาจารย์ที่นั่น ผมก็เลยทักสวัสดีครับ

ซินแสเป็นหนึ่ง : สิ่งหนึ่งที่ประทับใจในข้อแรก ของเค้าตอนนั้น เค้าบอกว่าอาจารย์ครับผมไม่พอใจอยู่เรื่องหนึ่ง….

เหมือนพี่มิคไม่โอเคกับคอมเมนต์ที่ว่าอาจารย์ในทางไม่ดี?

มิค : ใช่ ผมพูดว่าบางที บางรายการเค้าเอาอาจารย์ไปเพื่อความสนุก แต่อย่าลืมว่าอาจารย์คืออาจารย์ จริงๆแล้วศักยภาพในตัวอาจารย์มันมีเยอะกว่านี้ เราก็เลยแค่เข้าไปเตือน แต่นั่นคือครั้งแรกที่เจอกัน

ทำไมถึงกล้าตัดสินใจเข้าไปเตือน ?

มิค : ไม่รู้ แต่มันก็รู้สึกดีๆ ด้วยอยู่แล้ว คือเป็นห่วงเฉยๆ ไม่อยากให้คนมองเค้าในแง่ไม่ดี

เราเห็นอะไรที่มองย้อนแย้งกับคนอื่น?

มิค : อาจจะเป็นเซ้นท์หรืออะไรก็ได้ เพราะคนอื่นทั่วไปถ้าเราไม่รู้สึกดีด้วย เราก็ไม่เข้าไปพูด

วันนี้สิ่งที่คิดอยู่ คิดผิดหรือคิดถูก?

มิค : คิดผิดเต็มๆ หยอกๆ คืออาจารย์กลายเป็นที่ปรึกษาทุกเรื่อง แต่ตอนนั้นยังไม่ได้สนิทเต็มที่ เจอกันครั้งนั้นเสร็จ ผมบอกอาจารย์ว่าอยากได้ป้าย รวย ของอาจารย์จัง เดี๋ยวนัดกันเนอะ แล้วเค้าก็ไม่เคยโทรตามเรา ทั้งที่เค้ามีเบอร์เรา เราแลกเบอร์กันวันนั้น เค้าไม่โทร เราก็เกรงใจ เพราะเราจะไปขอของจากเค้า

ซินแสเป็นหนึ่ง : ไม่จริง คือฉันรอให้เค้าติดต่อมา แล้วเค้าก็ไม่ติดต่อ แล้วโทษทีนะดิฉันเหมือนของเล่นของใครหลายคนแบบนี้ เค้าก็ปล่อยให้ดิฉันรอคอยแบบนี้ แม้กระทั่งไปบ้านหนูเล็ก ซึ่งอยู่ใกล้บ้านฉันก็ไม่แวะมา ฉันก็เลยรู้สึกว่างั้นไม่เป็นไร เค้าคงแค่อยากเฉยๆ

มิค : มีครั้งหนึ่งไปถ่ายรายการบ้านหนูเล็ก แล้วไปเจออาจารย์ ฮามาก อาจารย์บอกว่าดูลายเซ็นดี วันนั้นผมเซ็นให้อาจารย์ดู อาจารย์บอกลายเซ็นเธอดี ไม่ต้องแก้ จนไม่กี่วันเนี่ย อาจารย์ลายเซ็นผมโอเคไหม อะไรเธอ เธอแบกเยอะมาก เธอต้องเปลี่ยน

แล้วเค้าเปลี่ยนให้หรือยัง?

มิค : ยัง แล้วผมโม้มาตลอดไม่รู้กี่ปีว่าลายเซ็นผมดีมาก เพราะอาจารย์เคยดู เค้าบอกไม่จริงฉันไม่เคยดู นี่ก็เลยบอกไปว่าวันนั้นที่ไปถ่ายรายการบ้านหนูเล็กไง เค้าเลยเฉลยออกมาว่า วันนั้นฉันเกรงใจมันเป็นรายการเค้า ก็เลยรีบดู

ซินแสเป็นหนึ่ง : ตอนนั้นไม่ได้แบก แต่ตอนนี้แบกแล้ว

ทำไมคุณถึงไม่เปลี่ยนลายเซ็นให้เค้า?

ซินแสเป็นหนึ่ง : เธอเชื่อไหม เพื่อนๆ พี่ๆ ที่สนิท พอได้ลายเซ็นฉันไป ทุกคนไม่มีใครกลับมาหาฉันอีกเลย อย่างพี่ฮาย อาภาพร ตอนนี้ไปไกลเลย แต่ก็ทุกคนแหละน้อยใจ หายไปเลย

มิค : หนูก็ไม่ทิ้งอาจารย์ไปไหนเหมือนกันนะ

สรุปป้ายรวยได้หรือยัง?

มิค : โชคดีวันนั้นไปติดโซล่าเซลล์ให้บ้านพี่เคน ซึ่งอยู่ใกล้บ้านอาจารย์ เลยโทรหาแกบอกว่าอยู่แถวนี้พอดี ขอแวะเข้าไปเอาป้ายรวยได้ไหม ก็แวะเข้าไปเอามา

ซินแสเป็นหนึ่ง : มันรู้สึกว่าทำไมมันยากเย็นจังเลย เรารู้สึกว่าเราเตรียมให้เค้า ชื่นชมพี่มิค พี่เบนซ์ แต่ก็รอคอยมา 6 ปี 

เห็นว่าอาจารย์เป็นหนึ่ง ปลื้มทั้งพี่มิค พี่เบนซ์ แต่ไม่กล้าเข้าไปคุย?

ซินแสเป็นหนึ่ง : ไม่ใช่แค่ พี่เบนซ์ พี่มิค พี่หนิง พวกเธอ คุยแซ่บ คือในมุมมองเราเหมือนชาวบ้าน และพวกเธอคือคนที่ดัง เราไม่กล้าที่จะเข้าไปคุย เรารู้สึกว่าเค้าจะคุยกับเราไหมนะ ถ้าไปคุยแล้วเค้าปฏิเสธเราจะทำยังไง ก็คิดมากไป เราเจียมเนื้อเจียมตัว อยู่ในที่ที่เราอยู่แค่นั้นเอง

มีข่าวเม้าท์จนพี่มิคบอกว่าอาจารย์เป็นหนึ่งไม่เก่ง พี่มิคบอกหรือมีคนไปได้ยินมา?

มิค : เรื่องมันเป็นแบบนี้ จริงๆ ผมได้เจออาจารย์นานแล้ว แต่ว่าวงโคจรมันไม่ได้พามาให้เจอกันอีก และหลังจากนั้นผมได้เจอคนค่อนข้างเยอะ ก็เคยได้ยินเข้าหูมา เค้าพูดประมาณว่า อาจารย์เป็นหนึ่งไม่เก่ง เป็นพวกแบบซินแสท่อง พูดได้เพราะท่องจำ มีคนมาพูดแบบนั้น แต่ด้วยความเป็น มิค บรมวุฒิ จะไม่ค่อยเชื่อ บางทีเค้าอาจจะไม่ดีกับคนอื่น แต่ถ้าคนคนนั้นดีกับเราเราก็ไม่เอาความคิดของคนอื่นมาเป็นบรรทัดฐาน จริงๆ มันเป็นคลิ๊กกันตรงที่บวชพรีมนี่แหละ

ซินแสเป็นหนึ่ง : ไม่เชื่อ แต่ 6 ปีผ่านไป 

มิค : อาจารย์ไม่โทรหาผมเอง ผมรอทุกวัน ไปถามเบนซ์ ผมบ่นอยากได้ป้ายรวย แล้ววันงานบวชเชื่อไหมอยู่ดีๆ ที่โต๊ะกินข้าว แกบอกว่าพี่มิคขอพูดอะไรหน่อย อย่าโกรธนะ พี่มิคเป็นคนขี้ใจน้อยใช่ไหม พี่เบนซ์ อย่างนู้น อย่างนี้ พูดมาเป็นฉากๆ บ้าบอ รู้ชีวิตเราขนาดนั้นได้ยังไง ก็เลยเหมือนคลิ๊กแล้วก็สนิทกันมา

แล้วจากตอนที่พี่มิคได้ได้ยินคนพูดถึงอาจารย์ไม่ดี ได้มาบอกอาจารย์ไหม?

มิค : บอก ขนาดวันนั้นเจอวันแรก ยังกล้าบอกเค้าเลย ผมก็บอกตรงๆ เลย อาจารย์มีหนึ่งคนที่อย่างนี้ๆ แต่ผมกล้าพูดหลังจากที่สัมผัสอาจารย์มาพักหนึ่ง โดยเฉพาะทริปแรกที่ไปด้วยกันที่พม่า คือเวลาที่อาจารย์นำสวดทุกจุด ประมาณ 20 จุด ที่คนอื่นพูดกับเรามา เราไม่สน เพราะเราชอบที่เค้าเป็นเค้าแค่นั้น ยังไม่เคยได้วัดความเจ๋งอะไรกันเลย แต่พอมาเจองานบวชแล้วมาทักสรุปตรง เรื่องขี้งอน เรื่องนิสัย เรื่องปัญหาในชีวิต เคยเจอแบบโน้นแบบนี้มาใช่ไหม คือเป๊ะ แล้วพอไปพม่าด้วยกัน ทุกที่คือมันใช่ คนอย่างอาจารย์จะรู้ได้ยังไงว่าเรามีเซ้นหรือไม่มีเซ้น อาจารย์บอกพี่มิคมั่นใจนะที่ตรงนี้ลองลงไปดู แล้วเดี๋ยวเรามาคุยกันตอนขึ้นรถ แล้วทุกที่เป็นเหมือนที่อาจารย์ทักหมดเลย

ครั้งไหนที่แม่นที่สุด  ขนลุกที่สุด?

มิค : ถ้าแม่นที่สุดมันต้องเป็นเรื่องที่บ้าน คือผมจะทำบ้าน

คนรอบตัวอาจารย์ที่เป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้อง แต่ทำไมต้องเป็น มิค บรมวุฒิ? 

ซินแสเป็นหนึ่ง : เรื่องนี้หนักใจมาก พี่น้องทุกคนฉันยังรักเหมือนเดิม แต่ด้วยเวลา ด้วยงาน มันมีการห่างเหินกัน ฉันเข้าใจ เรื่องนี้ต้องบอกว่าเรารักทุกคน ส่วนพี่มิค เป็นจังหวะที่เราเข้ามา พอเค้ารวยขึ้น ดีขึ้น เดี๋ยวเค้าก็ไปเหมือนเดิม คือมันเป็นช่วงจังหวะ ขอย้อนกลับไปนิดนึง ที่ถามว่าพอรู้เรื่องที่มีคนว่าเรารู้สึกยังไง คุณรู้ไหมดิฉันเจอเรื่องหนัก 3 เรื่องด้วยกัน เรื่องแรก มีน้องคนนึงดังมาก เป็นศิลปินที่อยู่ด้วยกันมา วันนึงมีคนบอกเค้าว่า อาจารย์เป็นหนึ่งทำของใส่เธอนะ ให้ออกห่าง แต่โชคดีเค้าไม่ไป เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำให้ฉันรู้สึกว่า ทำไมต้องทำกันแบบนี้ เราอยู่ในวงการความเป็นอาจารย์ด้วยกันอย่าทำกันแบบนี้ ฉันไม่เคยนินทาใคร ไม่เคยว่าใคร ไม่เคยให้ร้ายใครสักคน เรื่องที่สอง บางคนก็ไปบอกอีกคนนึงว่า กะเทยเค้าทำพิธีได้หรอ ไปบอกดาราคนนึงที่เราสนิทเหมือนกัน เค้าบอกว่ากะเทยทำไม่ได้นะ คนผิดเพศเค้าทำไม่ได้ เพื่ออะไร เราคือเพื่อนมนุษย์ เราเจอมาเยอะ ณ ปัจจุบันนี้ใครพูดอะไรพูดเลย ไม่ได้ซีเรียส

มิค : ผมกล้ายืนยันตรงนี้ ตั้งแต่รู้จักกับอาจารย์มา อาจารย์ไม่เคยให้ร้ายคนอื่น ส่วนเรื่องที่สาม บอกใช่ไหม

ซินแสเป็นหนึ่ง : ไปบ้านพี่มิค มันมีบางอย่างในบ้านที่เป็นต้นไม้เหมือนไปบังคับให้เค้าต้องไป เหมือนเค้าอยากอยู่แต่เค้าอยู่ไม่ได้

มิค : เรื่องมีอยู่ว่าวันนั้นเราได้ไปทำบุญด้วยกัน ตอนเช้าไปใส่บาตรหลวงพ่อสุริยันต์ แล้วมันมีเวลาว่างตอนบ่าย อาจารย์ก็มาส่งที่บ้าน ผมก็เลยบอกว่าอาจารย์ดูให้เลยได้ไหม นี่ก็เลยเปิดแปลนบ้าน ไม่น่าเชื่อเค้าปิดแปลนบ้าน ขอวัน เดือน ปี เกิด ก่อน เราไม่เคยเจอเวอร์ชั่นอาจารย์แบบนี้ เค้าก็เขียนตัวเลขแล้วบอกว่า เคยไปตัดต้นไหมอะไรใหญ่ๆ ในบ้านไหม นี่ก็บอกไม่เคย เธอคิดดูดีๆ ฉันดูแล้วเป็นต้นใหญ่มาก เราก็อ่อ มีต้นนึงที่อายุ 200 กว่าปี ขับผ่านทางด่วนอนุสาวรีย์ฯ ก็จะเห็นต้นนี้ แต่มีอยู่วันนึง ตอนที่เบนซ์เพิ่งคลอดน้องปริมได้ไม่นาน กิ่งนึงยาว 20 กว่าเมตร หักหล่นทับบ้าน บ้านบุบไปเลย เราก็เลยปรึกษาทางกทม. เค้าก็เลยมาตัดให้ จนเราลืม แล้วรากอยู่ใต้พื้น เราเอาหญ้าเทียมมาปูเรียบร้อยไปแล้ว แล้วระหว่างนั้นหลายคนมาดูแปลนที่เราจะทำบ้าน ไม่มีใครทัก แต่นี่มาทีเดียวนางปิดแบบบ้าน แล้วทักเรื่องต้นไม้

พอทักแล้วแก้ไขมันมีอะไรดีๆ ขึ้นมา จริงไหม?

ซินแสเป็นหนึ่ง : คือตอมันเหมือนเซี้ยนหนามที่มันทิ่มแทงตลอดเวลา ถ้าคุณเอาออกปั๊บทุกอย่างหลุด

มิค : อาจารย์บอกว่าเค้าโกรธมาก เค้าอยู่มานาน แล้วอาจารย์บอกว่าเผาฉันให้ตายยังดีกว่ามาตัดฉันทิ้ง หลังจากนั้นก็ถามอาจารย์ว่าจะต้องทำยังไง อาจารย์ก็บอกให้ไปดูว่ายังมีรากไหม เดี๋ยวเอารากออกมาแล้วทำพิธี แล้วเธอจะถือไหมถ้าจะเอารากไปแกะสลักเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เธอเคารพได้ไหม สุดท้ายผมก็เอาแม็คโครมาขุดก็ยังออกมาเป็นรากอยู่ ได้แล้วและกำลังส่งไปสุโขทัย จะทำเป็นองค์หลวงพ่อทันใจ

อาจารย์ทักเรื่องคดีของพี่มิคด้วย?

มิค : ใช่ 

ซินแสเป็นหนึ่ง : ตอนนั้นเราเห็นโหงวเฮ้งของพี่เบนซ์ พี่มิค มันโชว์ชัดเจน ก็บอกว่าพี่ทั้งคู่ขอโทษนะ ช่วงนี้พี่พุ่งขึ้นมาก พี่จะเจอคนหมั่นไส้ แล้วพี่ต้องเจอเรื่องที่รู้สึกว่ามันหนักหน่วง ดังนั้นพี่ระวังนิดนึง เรารู้สึกแค่นั้นก็เลยบอกเค้า พอหลังจากนั้นก็เป็นเรื่องเลย

มิค : เค้าจะพูดกับเราตลอดว่าเค้าไม่กล้าทักคนใกล้ อยากให้ดูดวง เค้าบอกเพื่อนกันฉันไม่ดู

ซินแสเป็นหนึ่ง : เราบอกให้เค้าไปจัดการตัวเองดีกว่า คำว่าเพื่อนกัน มันเห็นกันหมด ขอแนะแบบนี้ดีกว่า เพราะบางเรื่องมันจะทำให้เสียเพื่อนถ้าทักแบบนี้ มันลำบากใจ 

ล่าสุดเค้าพากันไปมูที่ฮ่องกง โดยที่พวกเราไม่ได้ไปกับเค้า?

มิค : เอาตรงๆ ตั้งแต่ไปกับมูเตรวย รอบแรกที่ไปพม่า ตอนนั้นปัจหาเริ่มเข้ามาละ แปลกไหมมิคขอกู้เพื่อทำบ้ายใหม่ ขอเท่าไหร่ก็ไม่สำเร็จ แล้วพอกลับมาจากทริปพม่ารอบแรก เท้าเหยียบเมืองไทย ไปบ่นให้อาจารย์ฟัง แล้วเวลาอาจารย์นำสวดทั้งคณะว่า ขอให้เมื่อไหร่ที่เท้าถึงเมืองไทย พลิกชีวิต ตอนนั้นอาจารย์บอกคนในทริปว่าขอ 1 ข้อในใจ ผมก็ขอให้ทุกอย่างสำเร็จ พอถึงเมืองไทย เปลี่ยนซิม มีข้อความมาว่า คุณมิค นายอนุมัติแล้วค่ะ

พี่มิคน้อยใจอาจารย์ จนไม่อยากคุยด้วย คือเรื่องอะไร?

มิค : เราไปถ่ายรายการ อยู่ๆ เค้าบอกปวดฉี่ ไปกับเบนซ์ เค้าถามไปไหม ผมบอกไม่เป็นไร เดี๋ยวเราถ่ายตรงนี้ก่อน เพราะภาพมันกำลังสวย คนมาเยอะเลย ไปกันเลย เราก็ยืนตากแดดไปสัมภาษณ์คนนั้น คนนี้ ไปๆ มาๆ เกือบชั่วโมงครึ่งหายไปไหน อยู่ดีๆ ทีมงานมาบอก พ่อๆ ขึ้นรถ เราก็บอกขึ้นทำไม มันยังไม่เสร็จ เขาบอกขึ้นก่อน ทุกคนเค้ารออยู่อีกที่นึง นี่ก็บอกว่าปล่อยให้เค้ารอไป เดี๋ยวเราทำงานก่อน แต่สุดท้ายก็ไป ภาพที่เห็นคือเปิดไปเป็นร้านอาหารอย่างดี นี่นั่งจกปลาอย่างมีความสุข คำสุดท้ายบอกว่าอิ่มแล้วกับทุกคน แล้วเหลือเราไปทำงานกลางแดดคนเดียว เรายอมเสียสละ เพราะอยากให้งานมันสำเร็จ

แค่นี้อะนะงอน?

มิค : ก็แค่รู้สึกว่าทำไมไม่รอ

ซินแสเป็นหนึ่ง : รู้สึกเป็นทริปแรกๆ ที่เริ่มไปกับเขา เริ่มเรียนรู้นิสัย แต่ก็ไม่รู้ว่าโคตรขี้งอน วันนั้นพอเราไปเห็นมีอาหารก็กินข้าวเลยดีกว่า ก็เค้าบอกไม่ไปเอง เราถามเค้าแล้ว พอเรากินเค้าเดินเข้ามา ก็ถามว่าพี่กินไหม ไม่กิน ฉันก็เริ่มรู้ ฉันก็เลยบอกว่า พี่ขอโทษนะที่กินก่อน ฉันก็กลายเป็นพี่เบนซ์2 

มิค : ขอโทษก็หายทันทีเลย คนมันหิวมันอะไรไม่ได้หรอก

ซินแสเป็นหนึ่ง : เค้าเป็นคนโคตรนอย

ตอนนี้เคลียร์กันแล้ว?

มิค : เคลียร์แล้วครับ

คนเค้างอนอาจารย์ทั้งวงการแล้ว หลังเทปนี้ออกไป?

ซินแสเป็นหนึ่ง : เรารักทุกคน แต่ด้วยกรอบของงาน ที่ทุกครั้งที่เชื่อมติดก็โทรเม้าท์มอยกันปกติ แต่ฉ้นไม่เคยทำของใคร

 

ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

คลิปสัมภาษณ์ : https://youtu.be/5xIC8gxKstQ?si=uv2mrdrjo1YB4jgo

#ซินแสเป็นหนึ่ง #มิคบรมวุฒิ