Cohesity ก้าวขึ้นเป็นผู้นำระดับโลก ในฐานะผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ในการปกป้องและสำรองรายใหญ่ที่สุดในโลกหลังประกาศควบรวมกิจการกับ Veritas สำเร็จ

 

·       Cohesity ขึ้นแท่นอันดับ 1 ในตลาดซอฟต์แวร์ปกป้องและสำรองข้อมูล โดยให้บริการลูกค้าองค์กรมากกว่า 12,000 ราย พร้อมข้อมูลภายใต้การคุ้มครองหลายร้อยเอ็กซาไบต์ทั่วโลก

·       Cohesity นำเสนอชุดเทคโนโลยีด้านการปกป้องและสำรองข้อมูลที่ครอบคลุมอย่างกว้างขวางและลึกซึ้งที่สุดในอุตสาหกรรม รวมถึงหลัก ความปลอดภัยข้อมูลแบบ Zero-Trust และ ความสามารถในการให้ข้อมูลเชิงลึกของข้อมูลที่ขับเคลื่อนด้วย AI

·       Cohesity ย้ำคำมั่นสัญญา “ไม่ทิ้งลูกค้าไว้ข้างหลัง” สำหรับทั้งลูกค้าของ Veritas และ Cohesity พร้อมเดินหน้าขยายขีดความสามารถด้านคลาวด์ การรักษาความปลอดภัย และ AI

 

·       Cohesity กลายเป็นบริษัทที่เติบโตเร็วที่สุดในธุรกิจการปกป้องและสำรองข้อมูล โดยมีรายได้ต่อปีกว่ามากกว่า  1.5 พันล้านดอลลาร์

·       การควบรวมกิจการครั้งนี้ได้รับเงินทุนสนับสนุนจากการระดมทุนรอบ Series H นำโดย Haveli Investments และ Term Loan B ดำเนินการโดย JP Morgan

กรุงเทพฯ  23 ธันวาคม 2567 – โคฮีซิตี้ (Cohesity) ผู้นำด้านการรักษาความปลอดภัยข้อมูลด้วย AI ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทฯ ได้ควบรวมกิจการกับส่วนธุรกิจการปกป้องและสำรองข้อมูลระดับองค์กรของเวอริทัส (Veritas) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งนับเป็นการเปิดศักราชใหม่สำหรับธุรกิจการปกป้องและสำรองข้อมูลระดับโลกการควบรวมกิจการครั้งนี้ส่งผลให้ Cohesity กลายเป็นผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ด้านการปกป้องและสำรองข้อมูลรายใหญ่ที่สุดในโลกตามส่วนแบ่งการตลาด ซึ่งบริการลูกค้ากว่า 12,000 ราย รวมถึงบริษัทชั้นนำระดับโลกกว่า 85 บริษัทที่ติดอันดับ Fortune 100 และเกือบ 70% ของบริษัทที่ติดอันดับ Global 500 และปกป้องและสำรองข้อมูลหลายร้อยเอ็กซาไบต์ทั่วโลก หลังจากที่การควบรวมกิจการครั้งนี้เสร็จสมบูรณ์ Cohesity จะสามารถนำเสนอบริการรองรับเวิร์กโหลดที่ครอบคลุมกว้างขวางที่สุด พร้อมด้วยเครือข่ายพาร์ทเนอร์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในอุตสาหกรรมการปกป้องและสำรองข้อมูล

Cohesity กลายเป็นบริษัทด้านการปกป้องและสำรองข้อมูลที่มีรายได้กว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ ที่มีอัตราการเติบโตเร็วที่สุดในอุตสาหกรรมการปกป้องและสำรองข้อมูล โดยทำรายได้ทะลุหลัก 1.5 พันล้านดอลลาร์ภายในระยะเวลา 11 ปี   เมื่อปรับตามเกณฑ์สำหรับปีงบประมาณที่สิ้นสุดในเดือนกรกฎาคม 2567 บริษัทใหม่ ที่เกิดขึ้นภายหลังการควบรวมกิจการมีรายได้มากกว่า 1.7 พันล้านดอลลาร์ โดยเป็นรายได้ประจำรายปี (ARR) อยู่ที่ 1.5 พันล้านดอลลาร์ และมีอัตรากำไร EBITDA ปรับปรุงแล้ว ที่เป็นเงินสดอยู่ที่ 28 เปอร์เซ็นต์

ซันเจย์ พูเนน ประธานและซีอีโอของ Cohesity  กล่าวว่า “นี่คือก้าวสำคัญในประวัติศาสตร์ของ Cohesity ในรอบ 11 ปี ซึ่งมีภารกิจในการปกป้องและสำรองข้อมูล ให้มีความปลอดภัย และนำเสนอข้อมูลเชิงลึกที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยการผสานรวมสถาปัตยกรรมแบบ Scale-out และความสามารถด้าน Generative AI และ ความสามารถในด้านความปลอดภัยที่แข็งแกร่งของ Cohesity ผนวกเข้ากับ การรองรับเวิร์กโหลดที่หลากหลาย และผู้ใช้ที่กระจายอยู่ทั่วโลกที่ครอบคลุมของ Veritas ลูกค้าและพาร์ทเนอร์ของเราจะได้รับ ประโยชน์เพิ่มมากขึ้นจากข้อมูลที่มีอยู่ และตามที่เราได้ให้สัญญาไว้ เราจะ “ไม่ทิ้งลูกค้าไว้ข้างหลัง” โดยเราจะยังคงซัพพอร์ตผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ของทั้งสองบริษัทไปอีกเป็นเวลาหลายปี ด้วยการเริ่มต้นหน้าประวัติศาสตร์ใหม่นี้ เรามุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนการสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านการรับมือต่อภัยคุกคามทางไซเบอร์ (Cyber Resilience) เพื่อให้แน่ใจว่าเราคือทางเลือกอันดับหนึ่งของโลกในด้านความปลอดภัยข้อมูล พร้อมด้วยความสามารถด้าน AI ที่โดดเด่น"

“เราขอแสดงความยินดีกับ Cohesity สำหรับความสำเร็จในการเข้าซื้อกิจการของ Veritas นอกจากนี้ NVIDIA รู้สึกตื่นเต้นอย่างยิ่งที่จะได้ร่วมงานกับ Cohesity ในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ GenAI บนแพลตฟอร์ม NVIDIA AI Enterprise”  เจนเซ่น หวง ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ NVIDIA กล่าว “Cohesity คือ ผู้ให้บริการสำรอง และปกป้องข้อมูลทั่วโลก ซึ่งเปรียบเสมือนขุมทรัพย์แห่งคุณค่าทางธุรกิจที่ลูกค้าสามารถปลดล็อกได้ด้วย GenAI “การรวมธุรกิจของ Cohesity และ Veritasในส่วนธุรกิจด้านการปกป้องและสำรองข้อมูล เข้าด้วยกัน  นับเป็นดีลที่มีมูลค่าสูงสุดใน     แวดวงธุรกิจการปกป้องและสำรองข้อมูล ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งจะช่วยตอบโจทย์ความต้องการที่เพิ่มขึ้นในตลาดสำหรับการสำรองและกู้คืนข้อมูล ด้วยการยกระดับในการรับมือปัญหาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของข้อมูล    รวมไปถึงการใช้ข้อมูลเชิงลึกเพื่อให้สามารถรับมือต่อภัยคุกคามทางไซเบอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น”  แดเนียล นิวแมน ซีอีโอของ The Futurum Group กล่าว  “ปัจจุบัน Cohesity สามารถรองรับเวิร์กโหลด ได้มากที่สุดด้วยความสามารถระดับโลกในด้านความปลอดภัยและ การให้ข้อมูลเชิงลึกทั้งยังมี และสาขามากที่สุด มีระบบนิเวศขนาดใหญ่ที่ประกอบด้วย ผู้ให้บริการ, VAR, พาร์ทเนอร์ด้าน SI และผู้ผลิต OEM จำนวนมาก  โคฮีซิตี้ อยู่ในตำแหน่งที่โดดเด่นในจุดที่มีการบรรจบกันระหว่างมัลติคลาวด์ ระบบความปลอดภัย และ AI ด้วยเหตุนี้ บริษัทฯ จึงอยู่ในเส้นทางการเติบโตที่สดใส ภายใต้การกำกับดูแลของซันเจย์ ผู้บริหารที่มากด้วยประสบการณ์  เราเชื่อว่าบริษัทฯ จะเป็นผู้เล่นรายสำคัญในตลาด โดยจะมีการขยายธุรกิจให้ครอบคลุมขอบเขตมากเกินกว่าการปกป้องข้อมูล ช่วยให้ผู้บริหารฝ่ายสารสนเทศทั่วโลกสามารถใช้ประโยชน์จากศักยภาพของ AI และเปลี่ยนข้อมูลขององค์กรให้กลายเป็นข้อได้เปรียบในการแข่งขัน”

ยุคใหม่ของการปกป้องโลกของข้อมูล: การควบรวมกิจการครั้งนี้จะก่อให้เกิดประโยชน์อย่างไรต่อลูกค้าและพาร์ทเนอร์

การผนวกรวม Coheity เข้ากับส่วนธุรกิจการปกป้องและสำรองข้อมูลของ Veritas จะนำไปสู่:

·       การสร้างสรรค์นวัตกรรมและความสามารถระดับชั้นนำของอุตสาหกรรม: บริษัทที่ควบรวมกันนี้จะนำเสนอเทคโนโลยีการรักษาความปลอดภัยและการจัดการข้อมูลในระดับคลาวด์ ที่ขับเคลื่อนด้วย AI รวมไปถึงข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วย Generative AI อินเทอร์เฟซการจัดการที่ใช้งานง่าย และกลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านการปกป้องข้อมูลแบบมัลติคลาวด์ที่ครอบคลุม ปัจจุบัน Cohesity รองรับเวิร์กโหลดที่หลากหลายที่สุดภายในสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ที่ปรับขนาดได้อย่างยืดหยุ่น

·       ความมั่นใจสำหรับการลงทุนของลูกค้าปัจจุบัน: ในช่วงหลายปีข้างหน้า Cohesity จะยังคงลงทุนและพัฒนาแผนงานและกลยุทธ์สำหรับผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่มาจากทั้งสองบริษัทซึ่งถูกรวมเข้าไว้ด้วยกันในพอร์ตโฟลิโอใหม่ โดยครอบคลุมผลิตภัณฑ์และบริการที่มีอยู่ทั้งหมดของ Cohesity และโซลูชั่นทั้งหมดของ Veritas ที่อยู่ภายใต้ข้อตกลงการควบรวมกิจการ รวมไปถึง Veritas NetBackup, อุปกรณ์ Veritas NetBackup และโซลูชั่นการปกป้องข้อมูล Veritas Alta

·       การขยายขนาดและการสนับสนุนระดับโลก: ด้วยคะแนน Net Promoter Score ในระดับผู้นำ   ในอุตสาหกรรม และการดำเนินงานด้านการตลาดทั่วโลก ปัจจุบัน โคฮีซิตี้  ให้การสนับสนุนองค์กรที่ประสบความสำเร็จด้านการให้บริการลูกค้า “ตลอด 24 ชั่วโมง” ทั่วโลก Cohesity มุ่งมั่นที่จะช่วยให้องค์กรต่างๆ ประสบความสำเร็จด้วยการมอบประสบการณ์ที่ดีและการตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในส่วนของงานบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

·       ความสามารถด้าน AI ที่ก้าวล้ำ: ความสามารถด้าน AI รายแรกในตลาด ที่กำลังรอการจดสิทธิบัตรช่วยให้ลูกค้าได้รับประโยชน์มากมาย ทั้งในส่วนของการจัดการข้อมูล การปกป้องข้อมูล และความยืดหยุ่น และช่วยให้ลูกค้ารับทราบข้อมูลเชิงลึกที่มีนัยสำคัญมากขึ้น และสร้างมูลค่าให้กับทุกหน่วยงานของบริษัทโดยอาศัยข้อมูลที่มีอยู่

·   ระบบนิเวศของพาร์ทเนอร์ที่แข็งแกร่ง: บริษัทที่ควบรวมกันนี้จะรวบรวมระบบนิเวศพาร์ทเนอร์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในอุตสาหกรรม ครอบคลุมถึงผู้ให้บริการระบบคลาวด์, บริษัทด้านระบบรักษาความปลอดภัย, VAR, ผู้ติดตั้งระบบ, MSP, พาร์ทเนอร์ในระบบนิเวศด้านเทคโนโลยี, พาร์ทเนอร์ด้านการจัดจำหน่าย และผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ OEM

Cohesity จะกำหนดเป้าหมาย มูลค่าตลาดรวม (TAM) ไว้ที่ มากกว่า 4 หมื่น ล้านดอลลาร์ขึ้นไป  โดยครอบคลุมถึงตลาดซอฟต์แวร์ด้านการรีพลิเคตและการปกป้องและสำรองข้อมูลของ IDC  ทั้งนี้ ตามรายงาน Semiannual Software Tracker, 2024H1 ของ IDC ที่คาดการณ์ว่าตลาดซอฟต์แวร์ด้านการรีพลิเคตและการปกป้องข้อมูลจะมีมูลค่า 12.3 พันล้านดอลลาร์จากยอดขายของผู้จำหน่ายที่คาดการณ์ไว้ในปี 2024  การขยายขอบเขตการเข้าสู่ตลาด ที่ครอบคลุมภูมิภาคต่างเพิ่มขึ้น  และทรัพยากรด้านการวิจัยและพัฒนาจะช่วยให้บริษัทที่ควบรวมกันสามารถเพิ่มความรวดเร็วในการเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ และขับเคลื่อนการสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์ ในตลาดด้านความปลอดภัยและการจัดการข้อมูลที่เติบโตอย่างรวดเร็ว การควบรวมกิจการในครั้งนี้มีมูลค่ามากกว่า 7 พันล้านดอลลาร์

รายละเอียดธุรกรรมและที่ปรึกษา

บริษัทที่ควบรวมกันได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุนรายใหญ่ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ได้แก่ Sequoia Capital, Softbank Vision Fund I, Wing Venture Capital, Premji Invest และ Madrona โดย Carlyle Group  จะเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดในบริษัทที่ควบรวมกัน

ธุรกรรมนี้ได้รับเงินทุนจากการลงทุนรอบ Series H ที่นำโดย Haveli Investments ซึ่งเป็นผู้ให้ทุนส่วนใหญ่ในการทำธุรกรรมและปัจจุบันเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของ Cohesity  นอกจากนี้ Coatue, Sapphire Ventures และ Dragon Fund ยังเป็นนักลงทุนรายสำคัญในการลงทุนรอบ Series H การสนับสนุนที่มั่นคงนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่าจะมีทรัพยากรทางการเงินและการดำเนินงานที่จำเป็นต่อการขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัทฯ รวมไปถึงการขยายการดำเนินงานทั่วโลก และการสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง

ไบรอัน เชธ ซีไอโอของ Haveli Investments กล่าวว่า “รู้สึกยินดีที่ได้เป็นผู้นำการลงทุนรอบล่าสุดของ Cohesity เพื่อระดมทุนสำหรับธุรกรรมครั้งใหญ่นี้ การควบรวมกิจการในครั้งนี้จะช่วยสร้างขุมพลังแห่งใหม่สำหรับการปกป้องและสำรองข้อมูลและการรับมือต่อภัยคุกคามทางไซเบอร์ เราคาดหวังว่าความร่วมมือที่รวมเข้าด้วยกันจะช่วยเร่งการสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์ และขยายความเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์ของ Cohesity พร้อมตั้งใจที่จะทำหน้าที่ในคณะกรรมการบริหารของ Cohesity และทำงานอย่างใกล้ชิดกับซันเจย์ และทีมผู้บริหาร ในขณะที่เราโฟกัสไปที่การยกระดับธุรกิจของ Cohesity ไปสู่ความสำเร็จในระดับที่เหนือกว่า”

รายชื่อคณะผู้บริหารของ Cohesity ทั้งหมด รวมถึงคณะกรรมการบริหารของบริษัทฯ สามารถดูได้ที่: https://www.cohesity.com/company/leadership

J.P. Morgan Securities LLC ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินด้านการควบรวมและการเข้าซื้อกิจการของ Cohesity และ JPMorgan Chase Bank, N.A. เป็นผู้จัดเตรียมและดำเนินการจัดหาเงินทุนสำหรับธุรกรรมนี้  นอกจากนั้น BofA Securities, Inc. ยังทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้กับ Cohesity อีกด้วย ส่วน Simpson Thacher and Bartlett LLP และ Gunderson Dettmer LLP ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาหลัก    ด้านกฎหมายให้กับ Cohesity  ขณะที่ Guggenheim Securities และ Morgan Stanley & Co. LLC ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้กับ Veritas  ส่วน Alston & Bird LLP, Latham & Watkins LLP และ Wachtell, Lipton, Rosen & Katz ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาหลักด้านกฎหมายของ Veritas สำหรับธุรกรรมนี้

 

ด้านนายประมุท ศรีวิเชียร ผู้อำนวยการประจำ ประเทศไทย และภูมิภาคอินโดจีน โคฮีซิตี้ อิงค์ กล่าวเพิ่มเติมว่ารู้สึกตื่นเต้น และมีความยินดีอย่างยิ่ง ที่การควบรวมธุรกิจของ Veritas กับ Cohesity ได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว ซึ่งจะนำมาซึ่งประโยชน์อันยิ่งใหญ่ สำหรับลูกค้าและพันธมิตรของเรา ในประเทศไทย และภูมิภาคนี้ Veritas ยังคงนำเสนอโซลูชั