วันที่ 19 ธ.ค.67 เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติเสียงข้างมากยืนยันการประชามติแบบชั้นเดียว โดยตีตกร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ที่กรรมาธิกา (กมธ.) ร่วมกันพิจารณาเสนอให้ทำ 2 ชั้น ว่า โดยหลักเมื่อกฎหมายถูกยับยั้งไว้ ต้องรอ 180 วัน และเมื่อครบสภาฯจะยกนำกฎหมายฉบับนี้มายืนยันอีกครั้งด้วยเสียงข้างมาก และถ้าเสียงข้างมากยืนยันตามนั้น แปลว่าสามารถนำกฎหมายฉบับดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าฯได้เลย ทำให้สามารถแก้กฎหมายประชามติเป็นชั้นเดียวได้ โดยรัฐธรรมนูญเขาถือว่าสภาฯใหญ่กว่า
ผู้สื่อข่าวถามว่า การทำประชามติชั้นเดียวถือเป็นสัญญาณที่ดีหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า เป็นประโยชน์ เพราะจะทำให้การทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไม่ต้องไปวิตกกังวลเรื่องต่างๆได้ และทำให้มันไปได้
เมื่อถามว่า โอกาสทำให้การร่างธรรมนูญเสร็จทันรัฐบาลชุดนี้มีมากขึ้นหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ถ้าเราตัดสินใจทำประชามติ 3 ครั้งคงไม่ทัน เว้นแต่ขณะนี้มีความพยายามที่จะขอพบนายนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้บรรจุวาระเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 และทำประชามติเพียงสองครั้ง ซึ่งนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชึรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองฯ ก็มาขอความร่วมมือกับตน ซึ่งไม่ได้ขัดข้องและยินดีเข้าไปพูดคุยกับประธานสภาฯ
เมื่อถามถึงกรณีการลงมติของพรรคร่วมรัฐบาลในเรื่องการทำประชามติเมื่อวันที่ 18 ธ.ค. ที่ไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกันจะทำให้เกิดความขัดแย้งในพรรคร่วมหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า พูดได้เพียงว่าเป็นสิทธิของเขา เพราะเรื่องพวกนี้เป็นความเชื่อและความเห็น ซึ่งเป็นเรื่องของเขา ตนไม่อยากไปวิจารณ์ เพราะความเห็นทางกฎหมายแตกต่างกันได้
เมื่อถามย้ำว่า จากกรณีดังกล่าวจะทำให้เกิดรอยร้าวในพรรครัฐบาลในการทำงานเรื่องอื่นๆ หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า มันคงไม่ถึงขั้นจะทำให้ทางเดินตีบตันลง แต่ก็ว่ากันไป
เมื่อถามย้ำว่า แต่หากพรรคร่วมมีเอกภาพ อาจจะทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นโดยราบรื่นได้ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ตนยึดนโยบายของรัฐบาลนี้ที่จะทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งเขียนไว้ในนโยบายชัดเจน โดยจะเร่งรัดการทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนให้เร็วที่สุด ซึ่งเราก็มาเดินอย่างนี้ ฉะนั้น ถ้ารัฐบาลเดินตามนี้จะนำไปสู่การทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยเร็ว