บอร์ด SNNP อนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนในวงเงินไม่เกิน 640 ล้านบาท หรือจำนวนไม่เกิน 40 ล้านหุ้น ดีเดย์ 23 ธ.ค.67-20 มิ.ย.68 ฟากผู้บริหาร “ฐากร ชัยสถาพร” ระบุเพื่อบริหารสภาพคล่องส่วนเกินให้เกิดประโยชน์สูงสุด และยังเป็นการแสดงความเชื่อมั่นการดำเนินงานของบริษัทฯ ด้วยสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ส่วนแนวโน้มช่วงโค้งสุดท้ายปี 67 คาดว่ายอดขายสินค้าคึกคักรับอานิสงส์ช่วงไฮซีซั่นสนับสนุนผลงานโตสวย 

เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.67 นายฐากร ชัยสถาพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SNNP ผู้นำผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม และขนมขบเคี้ยวของประเทศไทย เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.67 ได้มีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืน (Treasury Stock) ในวงเงินไม่เกิน 640 ล้านบาท จำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนไม่เกิน 40 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.5 บาท ซึ่งจำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนคิดเป็นอัตรา 4.17% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทฯ 

สำหรับวัตถุประสงค์ในการเปิดโครงการครั้งนี้ เพื่อเป็นการบริหารสภาพคล่องส่วนเกินของกลุ่มบริษัทฯ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และเพื่อเพิ่มอัตราผลตอบแทนให้แก่ส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) และอัตรากำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) รวมถึงซึ่งจะทำให้ราคาหุ้นในอนาคตสามารถสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงของกลุ่มบริษัทฯ รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นต่อสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและความสามารถในการทำกำไรในอนาคต โดยบริษัทฯ จะเริ่มดำเนินการซื้อหุ้นคืนผ่านระบบซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ ตั้งแต่วันที่ 23 ธันวาคม 2567 - 20 มิถุนายน 2568

ทั้งนี้ บริษัทฯ ทยอยออกสินค้าใหม่วางจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง และมีวางกลยุทธ์ทางด้านการตลาดด้วยการปรับโฉมสินค้า รวมถึงการเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ๆ เดินหน้ากลยุทธ์ส่งเสริมการขาย ณ จุดขาย การจัดโปรโมชั่น และทำการตลาดเชิงรุก เพื่อกระตุ้นการรับรู้แบรนด์สินค้าด้วยงบประมาณที่น้อยลงแต่ได้ผลลัพธ์ที่ดีมากขึ้น ตลอดจนออกสินค้าใหม่ๆ ในทุกรูปแบบเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ได้แก่ ปลาหมึกบด ซึ่งเป็นสินค้าที่เจาะกลุ่มวัยรุ่นได้มาก และมีกระแสตอบรับที่ดีเกินคาด

“แนวโน้มช่วงสิ้นปีนี้ ซึ่งเป็นช่วง High season ของตลาดเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวของบริษัทฯ คาดว่าจะเติบโตได้ดีจากการออกสินค้าเรือธงใหม่ๆ อย่าง เบนโตะหมึกบดรส ไทยคลาสสิคชิลลี่ และ เจเล่ ดับเบิ้ล เยลลี่ ไอซ์ โฉมใหม่ ที่ช่วยสร้างความคึกคักในตลาดเป็นอย่างมาก รวมถึงโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐเฟสที่ 2 ในช่วงก่อนตรุษจีนปี 68 จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยบวกที่จะช่วยสนับสนุนยอดขายให้ขยายตัวได้มากขึ้น และในส่วนของแผนระยะยาวบริษัทฯ วางกลยุทธ์ขยายตลาดในต่างประเทศ ทั้งรูปแบบการส่งสินค้าไปขาย และการร่วมการทำตลาด รวมถึงการแต่งตั้งตัวแทนจัดจำหน่าย เพื่อสนับสนุนการเติบโตในระยะยาว” นายฐากร กล่าว