สยามรัฐ ยึดมั่นอุดมการณ์ปกป้องเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ยืนหยัดรับใช้สังคมด้วยจิตสำนึกแห่งความรับผิดชอบ …*…
เริ่มนับหนึ่งอย่างเป็นทางการสำหรับกระบวนการไขปริศนากรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกส่งตัวจากเรือนจำมาพักรักษาอาการป่วยที่อ้างว่าถึงขั้นวิกฤติอาจเสียชีวิตได้ทุกเมื่อที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ เป็นเวลายาวนานกว่า 6 เดือนนั้น เป็นการ “ป่วยจริง” หรือ “ป่วยทิพย์” …*…
หลังที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีกล่าวหา นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายสิทธิ สุธีวงศ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายชาญ วชิรเดช รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายนัสธี ทองปลาด ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร พลตำรวจโทโสภณรัชต์ สิงหจารุ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ พลตำรวจโททวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ พันตำรวจเอกชนะ จงโชคดี นายแพทย์ (สบ 5) โรงพยาบาลตำรวจ แพทย์เจ้าของไข้ และผู้ออกใบความเห็นแพทย์ พลตำรวจตรีสามารถ ม่วงศิริ แพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ผู้ออกใบความเห็นแพทย์ นายแพทย์ วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข ผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ แพทย์หญิงรวมทิพย์ สุภานันท์ แพทย์ผู้ตรวจร่างกายขณะรับตัวผู้ต้องขังใหม่ นายสัญญา วงค์หินกอง พัศดีเวรเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และนายธัญพิสิษฐ์ ขบวน พยาบาลเวร เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร กรณีส่งตัว นายทักษิณ จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจโดยมิชอบ โดยให้ นายทักษิณ อยู่รักษาที่โรงพยาบาลตำรวจครบ 180 วัน ทั้งที่ไม่เจ็บป่วยจริง เพื่อเอื้อประโยชน์ให้นายทักษิณ ไม่ต้องถูกคุมขังในเรือนจำ …*…
“จากการตรวจสอบเบื้องต้นมีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอ จึงมีมติรับเรื่องไว้ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งคณะเป็นองค์คณะไต่สวน โดยให้ดำเนินการไต่สวนเจ้าหน้าที่รัฐ สังกัดกรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวม 12 คน หากในชั้นไต่สวนพบมีบุคคลอื่นมีส่วนเกี่ยวข้องการกระทำความผิด ให้ดำเนินการไต่สวนกับบุคคลดังกล่าวต่อไป”ถ้อยแถลงจากนายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาฯป.ป.ช. …*…
แม้กระบวนการตรวจสอบไต่สวนต่างๆ ของ ป.ป.ช.ต้องผ่านขั้นตอนค่อนข้างมาก ใช้เวลาไม่น้อยในการหาข้อสรุป ทว่า กลับส่งผลสะเทือนทางการเมืองทันที โดยนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชนตั้งความหวังว่า ป.ป.ช.จะให้คำตอบเรื่อง “ชั้น 14” แก่สังคมโดยเร็ว ที่ผ่านมานั้น ทั้งอากัปกิริยาและการให้ความร่วมมือของหน่วยงานรัฐในหลายอย่างค่อนข้างชัดเจนว่ากรณีชั้น 14 ไม่ปกติแน่ๆ คนที่ติดตามข่าวการเมืองมาจะทราบว่า เรื่องที่เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ถ้าเรื่องไหนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชันภายในส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ก็จะให้ความร่วมมือ แต่ทำไมเรื่องชั้น 14 จะพบว่าเอกสารและข้อมูลหลายอย่างมีความยาก มีบางอย่างที่ถูกปิดซ่อนอยู่ …*…
“ต้องยอมรับว่ากรณีนายทักษิณ มีคนร้องเรียน และมีข้อวิพากษ์วิจารณ์ มีการเปิดเผยข้อมูลมากขึ้นเรื่อย ๆ และข้อมูลทางการแพทย์ก็มากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน รวมไปถึงการให้ความร่วมมือของส่วนราชการที่มีพิรุธด้วย สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้ผมเชื่อว่า มีส่วนที่ทำให้หน่วยงานที่มีอำนาจตรวจสอบจำเป็นต้องทำอะไร เพราะถ้าเรื่องของนายทักษิณไม่มีความกระจ่างอะไร มันยังดำมืดอยู่แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ หน่วยงานที่ถูกตั้งคำถามหน่วยงานแรก คือหน่วยงานที่มีอำนาจตรวจสอบ”นายรังสิมันต์ระบุ …*…
เชื่อว่านอกจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในปีหน้า จะมีการหยิบยก “กรณีช้ัน 14 มาซักฟอกรัฐบาลโดยพุ่งเป้าไปที่พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรียุติธรรรม และนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกฯในฐานะลูกสาวนายทักษิณแล้ว ยังเป็นประเด็นที่จะกลายเป็นอีกหนึ่งเงื่อนไขเพิ่มน้ำหนักเหตุผลในการลงถนนของ “ม็อบมือตบ” ซึ่งล้วนแล้วแต่ไม่เป็นผลดีต่อเสถียรภาพรัฐบาล ฉุดให้สถานการณ์การเมืองตกอยู่ในความเปราะบาง บ้านเมืองสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดความวุ่นวาย โดยมีนายทักษิณเป็นชนวนทั้งสิ้น …*…
ที่มา:เจ้าพระยา (19/12/67)