จากกรณีที่สื่อสิงคโปร์รายงานว่า มาตรการใหม่ของสิงคโปร์ ที่ให้สถาบันการเงิน-บริษัทโทรคมนาคม ต้องรับผิดชอบค่าเสียหายร่วมกัน หากลูกค้าโดนมิจฉาชีพออนไลน์หลอกนั้น

ล่าสุด วันที่ 19 ธ.ค.67 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Wiroj Lakkhanaadisorn - วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ระบุว่า...

[เมื่อไหร่คุณเศรษฐพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย และ นพ.สรณ ประธาน กสทช. จะรู้หน้าที่ของตนเอง เสียที]

การออกกฎหมายให้ธนาคารพาณิชย์ และบริษัทเครือข่ายมือถือร่วมรับผิดชอบ กรณีที่เจ้าของบัญชีเงินฝาก และผู้ใช้โทรศัพท์มือถือถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้โอนเงิน วัตถุประสงค์ ไม่ได้ต้องการจะให้ธนาคารพาณิชย์ และบริษัทเครือข่ายมือถือมาจ่ายเงินจ่ายทอง

แต่เป็นมาตรการสร้างแรงกระตุ้นให้ธนาคารพาณิชย์ และบริษัทเครือข่ายมือถือยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย เพื่อคุ้มครองเงินฝากของประชาชน และกระตือรือร้นที่จะปิดจุดรั่วไหลอย่างรวดเร็ว

ถ้าธนาคารพาณิชย์ และบริษัทเครือข่ายมือถือต้องร่วมรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์

✅ระบบการยืนยันตัวตนหลายระดับ (Multifactor Authentication) ก็จะถูกปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

✅ยอดโอนเงินสูงๆ ก็อาจจะมีระบบหน่วงเงิน เพื่อให้ผู้โอนมีระยะเวลาได้คิดไตร่ตรอง ซึ่งจะช่วยเหลือประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อได้มาก

✅ซิมโจรที่ถูกแจ้งความ บริษัทเครือข่ายมือถือก็จะเร่งระงับโดยพลัน ไม่ปล่อยให้ซิมโจรโทร หรือส่งข้อความหลอกลวงประชาชนไปเรื่อยๆ ไม่จบไม่สิ้น

✅บัญชีม้า ที่เป็นเครือข่ายจะถูกระงับแบบทั้งสายโดยเร็ว ความเสียหายก็จะจำกัดลง

พอความเสียหายถูกจำกัดให้อยู่ในวงที่แคบลง ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปราบปราม ก็จะมีสรรพกำลังที่เพียงพอในการสืบสวน สอบสวนขยายผลการจับกุมได้แบบยกขบวนการ

เมื่อไหร่ธนาคารแห่งประเทศไทย และ กสทช. จะเข้าใจกลไกในลักษณะนี้เสียที

อยากให้คุณเศรษฐพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ตระหนักว่า ธปท. มีหน้าที่ในการปกป้องเงินฝากของประชาชน ไม่ได้มีหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ของนายทุนธนาคาร

และอยากให้นายแพทย์ สรณ ประธาน กสทช. ได้เข้าใจว่า กสทช. มีหน้าที่คุ้มครองผู้ให้โทรศัพท์มือถือ และอินเตอร์เน็ต จากมิจฉาชีพออนไลน์ ไม่ใช่ปกป้องผลประโยชน์ของนายทุนเครือข่ายมือถือ

ไม่ใช่ปล่อยให้ประชาชน โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ให้เผชิญหน้ากับโจรออนไลน์อย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน