รูปแบบการทำงานในปัจจุบัน เทคโนโลยีถือว่ามีบทบาทสำคัญ ในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม และทัศนคติ โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต้องการผสมผสานชีวิตการทำงานเข้ากับการพักผ่อน เพื่อหาจุดที่ลงตัวที่สุดในการใช้ชีวิต คนรุ่นใหม่จึงมักเลือกประกอบอาชีพอิสระ หรือมีธุรกิจเป็นของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการขายของออนไลน์ การเป็น Influencer หรือ Content Creator

Work From Home หรือ Work From Anywhere  ถือเป็นการปรับเปลี่ยนวิถีการทำงาน รูปแบบใหม่ที่ถูกนำมาใช้อย่างจริงจังทั่วโลกในหลายๆองค์กร ปัจจุบันมุมมองของคนรุ่นใหม่ “บ้าน” จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่ “ที่พักอาศัย” แต่คือพื้นที่ที่สะท้อนวิถีชีวิตเป็น “ที่ทำงาน” และสร้างรายได้ไปพร้อมๆ กัน

นายอนวัช ฉัตรศิริกุล ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท เอ็นริช กล่าวว่า การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในปัจจุบัน ให้ความสำคัญกับ พื้นที่ใช้สอย และสิ่งอำนวยความสะดวกที่สามารถรองรับการทำงาน อาชีพอิสระ พร้อมรองรับกิจกรรมที่หลากหลาย และอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ คือ ทำเลที่เชื่อมต่อสู่ใจกลางเมือง ใกล้สถานีรถไฟฟ้า โรงเรียน และเข้าถึงทุกแหล่งไลฟ์สไตล์ได้อย่างสะดวกสบาย เพื่อตอบโจทย์ทุกการอยู่อาศัยได้อย่างลงตัว

เอ็นริช เล็งเห็นถึงการนำเทรนด์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ผสานกับการออกแบบที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วยแนวคิด “บ้านเป็นมากกว่าคำว่าบ้าน” ได้อย่างสมบูรณ์ โดยหลักแนวคิดที่คำนึงถึง แบ่งออกเป็น 4 หัวข้อ คือ

1. ธรรมชาติโอบล้อมชีวิต (Harmony of Nature) : การสร้างสมดุลระหว่างธรรมชาติ กับการใช้ชีวิต เพื่อให้เกิดสภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์ในการอยู่อาศัย การคัดสรรพันธุ์ไม้ที่สร้างทัศนียภาพที่สวยงาม ความร่มรื่นในพื้นที่ส่วนกลางของโครงการ และการลงรายละเอียดการดีไซน์ที่ให้ความสำคัญกับออกแบบพื้นที่ให้มีความโล่งโปร่ง เปิดรับแสงธรรมชาติ และถ่ายเทอากาศได้ดี (Natural Ventilation & Light) รวมถึงการออกแบบให้มีพื้นที่สีเขียวภายในบ้าน (Green Spaces) ทำให้รู้สึกเชื่อมโยงกับธรรมชาติมากยิ่งขึ้น เพื่อการอยู่อาศัยที่มีคุณภาพอย่างยั่งยืน

2. พื้นที่ที่ปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ (Customization) :  เมื่อ “บ้าน” ไม่ได้เป็นเพียงแค่ที่อยู่อาศัย แต่กลายเป็นพื้นที่ที่สะท้อนตัวตน เป็นแหล่งพลังงานที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจ จะดีแค่ไหนที่ “บ้าน” สามารถปรับเปลี่ยนไปตามความต้องการที่หลากหลายของผู้อาศัยได้

การดีไซน์บ้านที่สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันได้ จึงมีความสำคัญในยุคปัจจุบัน คือ พื้นที่สำหรับการทำงานแบบ “Work From Anywhere” ที่ปรับเปลี่ยนทำให้พื้นที่ส่วนหนึ่งของบ้านเป็น “ออฟฟิศส่วนตัว” สำหรับการทำธุรกิจส่วนตัว หรือธุรกิจออนไลน์ เช่น  พื้นที่สำหรับเปิดคลาสแบบส่วนตัว ห้อง Studio หรือ พื้นที่ Live Room สำหรับสร้าง Content ที่นิยมในธุรกิจออนไลน์ ผ่านแฟลตฟอร์มต่างๆ บ้านจึงต้องสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันได้หลายรูปแบบ

อีกทั้ง การจัดสรรตำแหน่งของฟังก์ชันให้สวยงาม และเกิดประสิทธิภาพมากที่สุด จึงเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญ  ไม่ว่าจะเป็นการจัดวางตำแหน่ง พื้นที่พักผ่อนแบบส่วนตัว พื้นที่ใช้เวลาพิเศษกับครอบครัว และพื้นที่ที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจในการทำงาน ให้เป็นสัดส่วนและเหมาะสม เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตในทุกมิติ และเพื่อให้ “บ้านเป็นมากกว่าคำว่าบ้าน” ใกล้กับทุกความต้องการของผู้อาศัยมากที่สุด

3. ผสานเทคโนโลยี กับการใช้ชีวิต (Technology for Life) : เทคโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญในทุกด้านของชีวิต ซึ่งปัจจุบันถูกนำมาใช้เป็นส่วนสำคัญ ในการใช้ชีวิตภายในบ้านด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น เทคโนโลยีเพิ่มความสะดวกสบายภายในบ้าน (Smart Home Technology) ระบบควบคุมอัตโนมัติ ที่ช่วยจัดการระบบ การทำงานต่างๆภายในบ้านผ่านสมาร์ทโฟน เทคโนโลยีด้านความปลอดภัย (Home Security) การตรวจสอบกล้องวงจรปิดแบบ Real Time การเปิด-ปิด ประตูบ้านด้วยรหัสผ่าน หรือสมาร์ทโฟน เพื่อความสะดวกสำหรับสมาชิกในครอบครัว หรือการแจ้งเตือนเมื่อพบสิ่งผิดปกติภายในบ้าน รวมถึง เทคโนโลยีเพื่อสุขภาพ และการอยู่อาศัยที่ดี ด้วยเครื่องฟอกอากาศ ที่ตรวจวัดคุณภาพอากาศ ที่ปรับการทำงานได้อัตโนมัติ เพื่อให้มั่นใจว่าบ้าน มีอากาศที่บริสุทธิ์อยู่เสมอซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าว ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและนำมาใช้อย่างแพร่หลาย

“Technology for life” จึงไม่ใช่แค่การเพิ่มอุปกรณ์ดิจิทัลภายในบ้าน แต่เป็นการนำเทคโนโลยีเข้ามาผสานกับการใช้ชีวิต เพื่อสร้างความสะดวกสบาย ความปลอดภัย และความยั่งยืนในระยะยาว บ้านจึงต้องมีการเลือกใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสม เพื่อให้สามารถใช้งานได้จริง และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้อาศัยมากที่สุด

4. “ใกล้” (Prime Location) : การเลือกทำเลของบ้านที่สามารถเดินทางได้สะดวกสบาย เชื่อมต่อสู่พื้นที่ใจกลางเมืองย่านธุรกิจได้สะดวก ใกล้รถไฟฟ้าสายต่างๆ ใกล้เส้นทางสายหลัก รวมถึงใกล้แหล่งอำนวยความสะดวก ทั้งห้างสรรพสินค้า โรงเรียน โรงพยาบาล และสถานที่เที่ยวไลฟ์สไตล์ หลากหลายรูปแบบ ถือเป็นปัจจัยที่สำคัญให้ใช้เวลาได้อย่างคุ้มค่าทุกการเดินทาง

อีกทั้งทำเลที่ดีส่งผลต่อคุณภาพชีวิต ทั้งเรื่องความสะดวกสบาย และความคุ้มค่าในระยะยาว ทั้งในมุมมองเรื่องการอยู่อาศัย และศักยภาพของทำเลที่ทำให้บ้านมีมูลค่าสูงขึ้นในอนาคตอีกด้วย

ด้านนางสาวสุพิชา ณัฐสุวรรณพล ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารธุรกิจกลุ่มบริษัท เอ็นริช เผยว่า แนวคิดในการพัฒนาโครงการ ที่จะทำให้บ้านมีบทบาทมากกว่าการเป็นที่อยู่อาศัยและการพักผ่อน แต่ยังเป็นแหล่งสร้างสรรค์แรงบันดาลใจ รวมทั้งเป็นสถานที่ทำงานไปในตัว การออกแบบที่อยู่อาศัยจึงต้องตอบสนองการใช้ชีวิตได้อย่างสมบูรณ์แบบ ที่ที่จะสร้างทั้งความความสุข และความสำเร็จในทุกมิติ ทั้งการทำงาน การใช้ชีวิตส่วนตัว และครอบครัว

“ใกล้ เพชรเกษม - สาย 1” บ้านและโฮมออฟฟิศ ดีไซน์ใหม่ โครงการใหม่ของเอ็นริช ที่ต้องการให้ “บ้านเป็นมากกว่าคำว่าบ้าน”  นอกจากเรื่องทำเลศักยภาพที่เดินทางสะดวกแล้ว ฟังก์ชันภายในบ้าน และสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการก็ต้องครบครัน ตอบโจทย์ทั้งเรื่องการทำงาน และใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ เพื่อตอบสนองกับแนวคิดดังกล่าวได้อย่างสมบูรณ์

“ให้คุณใกล้ กับสิ่งที่ใช่” ที่ที่ให้คุณใกล้ทุกความต้องการ  ใกล้ทุกจุดหมายการเดินทางใกล้กันในทุกช่วงเวลาพิเศษของครอบครัว และใกล้ความเป็นคุณมากที่สุด ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่นมีเอกลัษณ์เฉพาะตัว แล้วมาพบกันที่  ใกล้ เพชรเกษม - สาย 1