โรคหนองในเป็นโรคที่ถูกตรวจพบได้บ่อยที่สุด ในกลุ่มโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มีระยะฟักตัวสั้นและแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว โดยพบว่า การติดเชื้อมักเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย เปลี่ยนคู่นอนบ่อย และไม่สวมถุงยางอนามัย ซึ่งโรคหนองใน แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ หนองในแท้ หนองในเทียม อาการ การรักษาของทั้ง 2 โรค มีความแตกต่างกัน แม้จะเป็นโรคหนองในเหมือนกันก็ตาม การทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคนี้จึงมีความสำคัญ เพื่อการป้องกันและรักษาที่ถูกต้อง
ความแตกต่างระหว่างหนองในแท้และหนองในเทียม
โรคหนองในแท้ หรือ โกโนเรีย (Gonorrhoea) เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Neisseria gonorrhoeae ซึ่งมีลักษณะเฉพาะคือเป็นเชื้อรูปร่างกลม มักอยู่เป็นคู่ เชื้อชนิดนี้จะส่งผลกระทบต่อเยื่อเมือกต่าง ๆ ในร่างกายบริเวณ ท่อปัสสาวะ ช่องคลอด ปากมดลูก และทวารหนัก โดยมีระยะฟักตัวประมาณ 2-7 วัน จึงจะแสดงอาการ
ส่วนโรคหนองในเทียม หรือ Non Gonococcal Urethritis (NSU) มักเป็นการอักเสบของท่อปัสสาวะที่เกิดจากเชื้อโรคอื่น ๆ ที่ไม่ใช่เชื้อหนองในแท้ โดยเชื้อก่อโรคที่พบบ่อย คือ คลามัยเดีย ทราโคมาทิส (Chlamydia trachomatis) หนองในเทียม อาการมักคล้ายคลึงกันกับหนองในเเท้ แต่รุนแรงน้อยกว่า อาการไม่ชัดเจน และมีระยะฟักตัวที่นานกว่า 1-3 สัปดาห์ จึงจะแสดงอาการ
การติดต่อและการแพร่กระจายของโรค
โรคหนองในแท้ หนองในเทียม สามารถติดต่อได้ผ่านการมีเพศสัมพันธ์ทุกรูปแบบ จากสารคัดหลั่งในช่องคลอด ปาก และทวารหนัก ที่สำคัญคือการร่วมเพศทางปากก็สามารถทำให้ติดเชื้อที่ลำคอหรือคอหอยได้เช่นกัน รวมไปถึงการติดเชื้อที่เยื่อบุตา ซึ่งอาจเป็นการสัมผัสเชื้อจากบริเวณอื่น แล้วมือไม่สะอาดมาสัมผัสที่ดวงตา
อย่างไรก็ตาม โรคนี้ไม่สามารถติดต่อผ่านการจับมือหรือการใช้สุขภัณฑ์ร่วมกัน เนื่องจากเชื้อไม่สามารถอยู่ในอุณภูมิภายนอกร่างกายได้นาน แต่ต้องระวัง การติดเชื้อที่ไม่ค่อยแสดงอาการ เพราะโรคนี้ติดต่อจากแม่สู่ทารกระหว่างคลอดได้ อาจทำให้ทารกติดเชื้อบริเวณดวงตา อันตรายถึงขั้นตาบอดได้
อาการและการแสดงออกของโรค
อาการหนองในแท้ หนองในเทียม มีความคล้ายกัน แต่หนองในเทียม อาการมักรุนแรงน้อยกว่า และไม่ค่อยแสดงออกชัดเจน โดยอาการทั้ง 2 โรคที่พบได้บ่อย ได้แก่
อาการหนองในแท้ หนองในเทียม ในผู้ชาย
อาการมักปรากฏชัดเจนหลังได้รับเชื้อประมาณ 2-5 วัน โดยจะมีอาการปัสสาวะแสบขัดอย่างรุนแรง และมีหนองสีเหลืองข้นไหลออกจากท่อปัสสาวะ หากไม่ได้รับการรักษา อาจลุกลามไปยังต่อมลูกหมาก ทำให้เกิดอัณฑะอักเสบและอาจนำไปสู่ภาวะเป็นหมันได้
อาการหนองในแท้ หนองในเทียม ในผู้หญิง
อาการในระยะแรกอาจไม่ชัดเจน ส่วนใหญ่จะเริ่มมีอาการหลังจาก 10 วันไปแล้ว โดยจะมีตกขาวผิดปกติ เช่น มีปริมาณมากขึ้น สีเหลือง เขียว มีกลิ่นเหม็น มีอาการปัสสาวะแสบขัด และเลือดออกผิดปกติจากช่องคลอด หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น การอักเสบในอุ้งเชิงกราน การอุดตันของท่อรังไข่ ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะมีบุตรยากหรือการตั้งครรภ์นอกมดลูกได้
การวินิจฉัยโรคหนองในแท้ หนองในเทียม
การวินิจฉัยโรคหนองในต้องอาศัยการตรวจทางห้องปฏิบัติการ โดยทั้งชายและหญิง สามารถทดสอบได้จากตัวอย่างเชื้อจากหนองหรือปัสสาวะ ป้ายสารคัดหลั่งจากลำคอมาตรวจด้วยวิธี PCR รวมถึงการย้อมและเพาะเชื้อ ทั้งนี้ในเพศหญิงทดสอบหาเชื้อจากตกขาว สารคัดหลั่งในช่องคลอด มูกจากปากมดลูก และตรวจภายในได้ และเพศชาย ทดสอบได้จากสารคัดหลั่งจากทวารหนัก หรือปลายท่ออวัยวะเพศ วิธีการตรวจเหล่านี้ ยังสามารถตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ ร่วมด้วยได้ โดยจะเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งหรือตัวอย่างเชื้อบริเวณใด ขึ้นอยู่กับตำแหน่งแสดงอาการ
แนวทางการรักษาหนองในแท้ หนองในเทียม
หากตรวจพบการติดเชื้อ ผู้ป่วยจำเป็นต้องรับการรักษา โดยการรักษาทางการแพทย์หลัก ๆ จะแบ่งการรักษาหนองในแท้ หนองในเทียม ดังนี้
- การรักษาหนองในแท้ : การรักษาที่ให้ประสิทธิภาพที่สุด คือ การฉีดยาปฎิชีวนะ Ceftriaxone 1 เข็ม ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการรุนแรง หรือภาวะแทรกซ้อน เช่น ปวดท้อง มีไข้ อุ้งเชิงกรานอักเสบ อาจรักษาร่วมกับการกินยาปฎิชีวนะ Azithromycin หรือ Doxycycline ต่อจนหายดี
- การรักษาหนองในเทียม : รักษาโดยกินยาปฏิชีวนะอะซิโธรมัยซิน (Azithromycin) หรือยาดอกซี่ไซคลีน (Doxycycline) รับประทานติดต่อกัน 7-14 วัน หากมีอาการรุนแรง อาจทำการรักษาด้วยยาฉีด ตามด้วยการรับประทานยา
สิ่งสำคัญคือผู้ป่วยต้องรับประทานยาให้ครบตามที่แพทย์สั่ง และควรพาคู่นอนที่มีเพศสัมพันธ์ในระยะเวลา 60 วันมาตรวจหาเชื้อและรักษาไปพร้อมกัน
การป้องกันและการดูแลตนเอง
วิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือการมีคู่นอนเพียงคนเดียว และใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่ไม่แน่ใจว่ามีเชื้อหรือไม่ นอกจากนี้ ควรตรวจสุขภาพเป็นประจำและรีบพบแพทย์ทันทีเมื่อสงสัยว่าอาจติดเชื้อ
แม้ว่าบางรายอาจมีอาการดีขึ้นเอง แต่การรักษาที่ถูกต้องจากแพทย์เป็นสิ่งจำเป็น เพราะโรคนี้สามารถกลับมาเป็นซ้ำได้ และอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงหากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม การตระหนักรู้และเข้าใจเกี่ยวกับโรคหนองในจึงเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันและรักษาโรคนี้อย่างมีประสิทธิภาพ
การตรวจหาเชื้อแต่เนิ่นๆ เป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากโรคหนองใน PrecisionLife มีบริการตรวจคัดกรองที่สะดวก รวดเร็ว และเป็นส่วนตัว ด้วยแพ็คเกจตรวจหนองใน ราคาเพียง 1,490 บาท ครอบคลุมการตรวจหาเชื้อหนองในแท้-หนองในเทียม พร้อมการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และรับการดูแลจากทีมแพทย์ พยาบาลผู้เชี่ยวชาญ ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้คุณได้รับการรักษาที่ถูกต้องและทันท่วงที