วันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณี น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ หรือ เจ๊พัช ผู้ต้องหาคดีกรรโชกทรัพย์ และเป็นตัวกลางเรียกรับสินบน อ้างว่าเคยให้สินบนเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จำนวน 10 ล้านบาท ว่า เรื่องนี้ตนได้ให้อธิบดีดีเอสไอ ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วว่าเมื่อ 10 ปีก่อนเหตุการณ์เป็นอย่างไร มีข้อจริงหรือเท็จอย่างไร โดยขอให้ตั้งคนกลางเข้ามาสอบสวน และคนนอกร่วมด้วย เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น
ผู้สื่อข่าวถามว่าการแอบอ้างในลักษณะนี้จะให้เจ้าหน้าที่ทำงานยากขึ้นหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ไม่ยาก เจ้าหน้าที่ดีเอสไอในยุคนี้ต้องทำตามข้อเท็จจริงและหลักฐาน อะไรที่ไม่มีข้อเท็จจริงและหลักฐาน มีพยานบุคคล พยานเอกสาร พยานวัตถุ รวมถึงผู้เชี่ยวชาญ ทุกอย่างต้องมีการบันทึกในคำให้การ คนให้การจะให้การจริงหรือเท็จเราก็ไม่รู้ จึงต้องให้มีพนักงานสอบสวนใช้ดุลพินิจประชุมกันด้วย ซึ่งจะไม่มีผลกระทบกับเจ้าหน้าที่ใดๆ ทั้งสิ้น
เมื่อถามว่าได้กำชับอะไรเป็นพิเศษในเรื่องนี้หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า สิ่งที่ตนเป็นห่วง คือ การฝากขังมีระยะเวลาไม่มาก ตนอยากให้อัยการมีระยะเวลาพิจารณาสำนวน ดังนั้นควรจะส่งสำนวนให้อัยการอย่างน้อยก่อน 15 วัน นอกจากนี้ขอให้อัยการเข้ามาเป็นที่ปรึกษาในการร่วมสอบสวน จะได้เห็นพยานหลักฐาน ประการสำคัญก็คือ อยากจะดูผู้บงการที่อยู่ข้างหลัง ว่าเป็นใคร
เมื่อถามอีกว่า สามารถกล่าวถึงผู้บงการได้หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ตรวจสอบได้จากเส้นทางการเงิน พยานหลักฐานต่างๆ ซึ่งผู้บงการเราก็ยึดมาตรฐานเดียวกัน คือ ต้องอยู่ในพยานหลักฐาน
เมื่อถามว่า เรื่องนี้อยู่ในสังคมไทยมานาน เป็นไปได้หรือไม่ว่าเจ้าหน้าที่รัฐรู้เห็นด้วย พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เราต้องให้เกียรติเจ้าหน้าที่ที่อยู่ด้วย แม้ว่าเขาอยู่ในสถานะเป็นผู้ถูกกล่าวหาก็ตาม แต่คำพูดของเขาไม่ใช่ว่าเชื่อไม่ได้ทั้งหมด มันต้องมีพยานรองรับ ย้ำว่า ตนจะเข้าไปเร่งรัดเลยจะไปติดตาม